Ford เผชิญปัญหาขาดช่างซ่อมรถ 5,000 ตำแหน่ง แม้เสนอเงินเดือนสูงถึง 120,000 ดอลลาร์ต่อปี

Ford กำลังเผชิญภาวะขาดแคลนแรงงานครั้งใหญ่ โดยซีอีโอ Jim Farley ออกมาระบุว่าดีลเลอร์ทั่วสหรัฐฯ ไม่สามารถหาช่างเทคนิคที่มีทักษะเพียงพอมารองรับงานซ่อมบำรุงได้ แม้จะเสนอค่าตอบแทนสูงถึง 120,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยเงินเดือนของประเทศเกือบสองเท่า ความต้องการแรงงานที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากการเรียกรถที่มีจำนวนมากของ Ford โดยปีนี้มีมากกว่า 134 รายการ ทำให้ศูนย์บริการต้องทำงานหนักกว่าปกติ

Farley เปิดเผยในพอดแคสต์ Office Hours: Business Edition ว่าบริษัทมีตำแหน่งช่างซ่อมค้างอยู่ถึง 5,000 อัตรา แต่ยังไม่สามารถหาคนมาทำงานได้ แม้ค่าตอบแทนจะจูงใจอย่างมากก็ตาม เขาอธิบายว่างานช่างเทคนิคนั้นต้องใช้เวลาเรียนรู้นานถึงห้าปี และงานหนัก เช่น การถอดเครื่องยนต์ดีเซลออกจากรถกระบะ Super Duty ต้องใช้ทักษะสูงและความเชี่ยวชาญที่แท้จริง

ซีอีโอของ Ford เตือนว่าการขาดแคลนแรงงานด้านทักษะเฉพาะทางกำลังเป็นปัญหาระดับประเทศ ไม่เพียงเฉพาะในธุรกิจยานยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงงานสำคัญอื่น ๆ เช่น บริการฉุกเฉิน งานขนส่ง โรงงาน ช่างประปา ช่างไฟฟ้า และอาชีพสายช่างจำนวนมาก เขาชี้ว่าอเมริกากำลังขาดการลงทุนในโรงเรียนอาชีวะและการพัฒนาทักษะคนรุ่นใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงในอนาคต

ข้อมูลจาก The New York Post ระบุว่ามีความต้องการช่างเทคนิคมากถึง 37,000 คนต่อปี ขณะที่สถิติจาก Bureau of Labor Statistics คาดการณ์ว่าจะมีตำแหน่งงานด้านเทคนิคยานยนต์เปิดใหม่เฉลี่ยปีละ 67,800 ตำแหน่งไปจนถึงปี 2033 แม้งานเหล่านี้ต้องใช้ทักษะสูง แต่ข้อดีคือมีโอกาสถูกทดแทนด้วย AI น้อยมาก เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ

ปัญหาการขาดแคลนช่างเทคนิคเริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถโดยตรง ทำให้การซ่อมล่าช้าและลูกค้าไม่พอใจ หลายศูนย์บริการต้องโยกย้ายช่างไปช่วยตามสาขาต่าง ๆ เพื่อรองรับปริมาณงาน เช่นเดียวกับกรณีของผู้เขียนต้นฉบับที่รถถูกจอดทิ้งไว้หลายสัปดาห์เพราะศูนย์ขาดบุคลากร

ที่มา Carscoops