Rivian ยืนยันไม่ใส่ Apple CarPlay แต่มั่นใจว่าระบบของตัวเอง “ดีกว่าและสมบูรณ์กว่า”

แม้ระบบ Apple CarPlay และ Android Auto จะกลายเป็นฟีเจอร์สำคัญที่ผู้ขับขี่หลายคนมองว่าขาดไม่ได้ แต่ Rivian ยังคงยืนหยัดในแนวทางของตัวเอง ด้วยการไม่รองรับระบบทั้งสอง และเลือกใช้แพลตฟอร์มอินโฟเทนเมนต์ที่พัฒนาบน Android Automotive ซึ่งสามารถใช้งานแอปยอดนิยมอย่าง YouTube, Spotify และ Apple Music ได้โดยตรง

RJ Scaringe ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Rivian ให้เหตุผลว่า การต้องสลับไปมาระหว่างระบบของรถและระบบจากสมาร์ทโฟน ทำให้ประสบการณ์การใช้งานไม่ต่อเนื่อง เขาต้องการให้ผู้ขับขี่อยู่ในสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Rivian

เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า ระบบของ Rivian จะสามารถเรียนรู้และเชื่อมโยงข้อมูลของรถกับผู้ขับได้อย่างชาญฉลาด เช่น การรับรู้ว่ายานพาหนะอยู่ในโหมดขับหรือจอด สภาพอากาศภายนอกเป็นอย่างไร รวมถึงลักษณะการขับขี่ของผู้ใช้ เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์มากที่สุด

ภายในระยะเวลา 18 เดือนข้างหน้า Rivian เตรียมเพิ่มฟังก์ชันใหม่ ๆ เข้าสู่ระบบ เช่น การเชื่อมต่อแอปพลิเคชันหลายตัวให้ทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น พร้อมฟีเจอร์สำคัญที่ผู้ใช้ iPhone คุ้นเคยอย่างระบบนำทาง การส่งข้อความด้วยเสียง และการเข้าถึงตัวรถผ่านระบบดิจิทัล

Scaringe ยอมรับว่า แนวทางนี้อาจทำให้บางคนเลือกไม่ซื้อรถของ Rivian แต่เขามั่นใจว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องในระยะยาว เพราะการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าในยุคใหม่ไม่ได้เป็นเพียงการรวมเทคโนโลยีจากหลายแหล่งเข้าด้วยกัน แต่คือการออกแบบประสบการณ์ทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้แบรนด์ Rivian

แนวทางนี้ทำให้ Rivian กลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เลือกควบคุมประสบการณ์ดิจิทัลทั้งหมดด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับ Tesla และ General Motors ซึ่งเชื่อว่าในที่สุดผู้ขับขี่จะเห็นความแตกต่าง และเข้าใจว่าทำไมการ “ไม่ใช้ CarPlay” อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในอนาคต

ที่มา Carscoops