แบรนด์รถสเปนที่เคยเลือนหาย กลับมาอีกครั้งด้วยพลังจากค่ายรถจีน Santana Motors เริ่มผลิตรถในประเทศแล้ว
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 13 ธ.ค. 68 15:41
- 1,027 อ่าน
Santana Motors อาจเป็นชื่อที่หลายคนไม่คุ้นหู แต่แท้จริงแล้วแบรนด์รถยนต์สัญชาติสเปนรายนี้มีประวัติยาวนานตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1950 โดยเริ่มต้นจากการผลิตรถ Land Rover ภายใต้ลิขสิทธิ์ในปี 1958 ก่อนจะส่งออกไปจำหน่ายในหลายภูมิภาค ทั้งยุโรป แอฟริกา และอเมริกาใต้ จนกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถออฟโรดที่มีบทบาทสำคัญในยุคนั้น

ต่อมาในปี 1980 Santana เริ่มพัฒนารถในชื่อแบรนด์ของตัวเอง และในอีก 5 ปีถัดมาก็จับมือกับ Suzuki ผลิตรถรุ่น SJ และรุ่นอื่น ๆ ภายใต้ชื่อ Santana อย่างไรก็ตาม ช่วงกลางยุค 90 ต่อเนื่องถึงต้นยุค 2000 บริษัทประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก แม้จะมีความพยายามเข้าซื้อกิจการเพื่อกอบกู้สถานการณ์ แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ และต้องยุติการผลิตลงในปี 2011
ล่าสุด Santana Motors ได้กลับมาอีกครั้งอย่างเป็นทางการ หลังเริ่มสายการผลิตรถยนต์ที่โรงงานในเมือง Linares ประเทศสเปน โดยรุ่นแรกที่ออกสู่ตลาดคือกระบะ Santana 400D และ 400 PHEV ซึ่งเป็นรถที่นำพื้นฐานมาจาก Dongfeng หรือ Zhengzhou Nissan Z9 แล้วปรับตราใหม่ภายใต้ชื่อ Santana

แม้ดีไซน์จะไม่ได้โดดเด่นด้านความแปลกใหม่ แต่ Santana 400D มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร ให้กำลัง 188 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร เลือกจับคู่ได้ทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ใน 9.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองรับการลากจูงได้สูงสุด 3,200 กิโลกรัม และบรรทุกสัมภาระได้ 815 กิโลกรัม
ด้านรุ่น 400 PHEV เป็นกระบะปลั๊กอินไฮบริด ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ขนาด 32 kWh ให้พละกำลังรวมสูงถึง 422 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร ส่งผลให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงลดลงเหลือเพียง 6.5 วินาที ความเร็วสูงสุดเท่ากับรุ่นดีเซล จุดเด่นคือสามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ไกล 120 กิโลเมตร และมีระยะทางวิ่งรวมสูงสุดกว่า 1,000 กิโลเมตร

อุปกรณ์มาตรฐานของรุ่นปลั๊กอินไฮบริดถือว่าจัดเต็ม ทั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ บันไดข้าง ระบบจ่ายไฟภายนอกขนาด 6 kW ไฟหน้า LED และซันรูฟ ภายในห้องโดยสารติดตั้งหน้าจอมาตรวัดดิจิทัลขนาด 10 นิ้ว พร้อมจออินโฟเทนเมนต์ 14.6 นิ้ว เบาะหนังสังเคราะห์ปรับอุ่นและระบายอากาศได้ ระบบปรับอากาศแยกอิสระสองโซน ชุดเครื่องเสียง 6 ลำโพง และแท่นชาร์จสมาร์ตโฟนไร้สายกำลังไฟ 50 วัตต์
ระบบช่วยขับขี่มาแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบช่วยขับในสภาพจราจรหนาแน่น ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และระบบอ่านป้ายจราจร ขณะที่รุ่นย่อย S จะเพิ่มระบบช่วยขับบนทางหลวง ระบบเตือนและเบรกขณะมีรถตัดผ่านด้านหน้าและด้านหลัง ระบบเตือนมุมอับสายตา และระบบช่วยเปลี่ยนเลน

ด้านราคา Santana 400 PHEV เปิดตัวที่ 29,900 ยูโร ขณะที่รุ่นดีเซลเริ่มต้นที่ 44,700 ยูโร ซึ่งเมื่อเทียบกับ Ford Ranger Double Cab ในสเปนที่เริ่มต้นราว 31,050 ยูโร ถือว่า Santana วางตำแหน่งได้ค่อนข้างน่าสนใจ
นอกจากการเริ่มผลิตรถและส่งมอบคันแรกให้กับหอการค้าเมือง Linares แล้ว Santana ยังประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ BAIC จากจีน โดยจะนำชุดชิ้นส่วนรถแบบกึ่งสำเร็จรูปเข้ามาประกอบขั้นสุดท้ายในสเปน พร้อมเตรียมเปิดตัวรถออฟโรดนั่งส่วนบุคคลหลายรุ่นเพิ่มเติม ระหว่างปี 2026 ถึง 2028
แม้รถรุ่นใหม่ในอนาคตจะยังคงใช้พื้นฐานจากแพลตฟอร์มของ BAIC แต่ Santana ยืนยันว่าจะมีการพัฒนาร่วมกันเพื่อสร้างดีไซน์เฉพาะตัว และเอกลักษณ์ของแบรนด์ Santana อย่างแท้จริง
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com




