เรื่องราวในคอนเซ็ปต์ของ Audi Urbansphere ที่มาจากคำบอกเล่าของทีมออกแบบ

  • โดย : PR Autodeft
  • 11 มิ.ย. 65
  • 3,993 อ่าน

เราจะทำการเจาะลึกไปถึงแนวคิดล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับรถในตระกูล “Sphere” ที่เป็นการปฏิวัติวงการของแบรนด์ Audi เพื่อให้เห็นแนวทางของรถซิตี้คาร์ไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ ว่าจะเดินไปในอนาคตด้วยแนวคิดใหม่นี้อย่างไร..

แนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere เป็นแนวคิดล่าสุดของรถยนต์คอนเซ็ปต์คาร์รุ่นบุกเบิกที่มีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน โดยในแต่ละรุ่นนั้น ได้ให้เราได้ลองจินตนาการถึงสิ่งใหม่ๆ ว่าเราจะสามารถใช้พื้นที่ภายในรถยนต์ไฟฟ้ากึ่งอัตโนมัติที่จะมาถึงในอนาคตนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างและดีขึ้นได้อย่างไร

 

และนี่ คือ วิสัยทัศน์ที่กว้างไกลแบบใหม่ๆของนวัตกรรมโมบิลิตี้ระดับพรีเมียม ซึ่งได้เริ่มต้นด้วยแนวคิดของรถ Audi รุ่น Skysphere ซึ่งเป็นรถ GT เปิดประทุนแบบ 2 ที่นั่ง ที่มีฐานล้อแบบปรับได้ ที่สามารถย่อขนาดให้เล็กลงได้ตามสัดส่วนของรถสปอร์ตไดนามิกขนาดกะทัดรัด หรือจะขยายให้ใหญ่ขึ้นเป็นรถแบบ Grand Tourer สำหรับวิ่งในทางระยะไกล ที่มีสไตล์แบบสบายๆ จากนั้นก็ตามมาด้วยแนวคิดของรถ Audi รุ่น Grandsphere ที่มาในรูปแบบรถ Saloon ขนาดใหญ่ 4 ที่นั่ง พร้อมการตกแต่งภายในที่มีความไฮเทคระดับเฟิร์สคลาส ซึ่งเป็นนิยามใหม่ของความหรูหราในแบบล้ำยุค

 

สำหรับตอนนี้ก็ถึงช่วงเวลาของแนวคิดสำหรับรถ Audi รุ่น Urbansphere แล้ว โดยมันเป็นรถที่ถูกออกแบบจากภายในสู่ภายนอก เพื่อให้ได้รถที่ออกมาเป็นดั่งเลานจ์สำหรับรับรองผู้โดยสาร หรือออฟฟิศเคลื่อนที่ที่สามารถใช้งานได้จริง ซึ่งทำให้เราต้องคิดถึงสิ่งใหม่ๆ ว่าเราจะใช้รถยนต์ของเราเป็นให้พื้นที่ที่อยู่กึ่งกลางสำหรับการใช้งานให้เป็นทั้งที่ทำงานและบ้านในตัวเมืองที่คับคั่งไปด้วยผู้คนได้อย่างไร? และนี่ คือ คำบอกเล่าของทีมออกแบบของ Audi ในการที่จะทำให้ทุกสิ่งมารวมกัน

การออกแบบที่มาจากความต้องการของลูกค้า

การปรับเปลี่ยนในเรื่องแนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere ที่มีขึ้นครั้งแรกนี้ คือ ความคิดที่ว่าจะทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้อย่างไร ซึ่งการออกแบบของรถก็ได้รับอิทธิพลมาจากหัวเมืองใหญ่ๆในประเทศจีน ที่เต็มไปด้วยตึกสูงและมีการจราจรที่หนาแน่น ทำให้ขาดซึ่งพื้นที่ว่างสำหรับไว้หายใจ และเพื่อให้เราได้เข้าใจถึงความต้องการในอนาคตของลูกค้าที่อาศัยอยู่ในเขตตัวเมืองใหญ่ที่มีต่อรถยนต์แห่งวันข้างหน้ารุ่นนี้ แบรนด์ Audi ก็ได้เชิญพวกเขาบางส่วนให้เข้ามาเยี่ยมชมสตูดิโอออกแบบที่ถือว่าเป็นพื้นที่ลับเฉพาะที่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่งและเมืองอินกอลสตาดท์

 

Marc Lichte ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าในส่วนงานออกแบบของ Audi ได้กล่าวว่า “รถยนต์ในตระกูล "Sphere" ทั้ง 3 รุ่นของเรา ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เห็นภาพและแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่เป็นไปได้ที่มีอยู่ทั้งหมด ของการนำเสนอเทคโนโลยีการขับขี่แบบอัตโนมัติระดับ 4 ที่มีความล้ำยุคอย่างมาก และเพื่อแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในระดับต่อๆไปในแนวทางการออกแบบของเรา ในที่นี้เรากำลังพูดถึงการเปลี่ยนแปลงสำหรับการออกแบบภายในของรถในอนาคต ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ถัดไปจากพื้นที่สำหรับการทำงานและพื้นที่สำหรับใช้ในการพักผ่อนของคุณ โดยการตกแต่งภายในของรถยนต์กำลังจะกลายเป็นพื้นที่ที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง 2 สิ่ง แต่รถที่ถูกนำมาแสดงแต่ละคันนั้น ก็จะมีจุดเน้นที่แตกต่างกันออกไป”

 

Oliver Hoffmann ผู้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาด้านเทคนิคของแบรนด์ Audi กล่าวว่า “ฉากหลังของเมืองที่มีความพลุกพล่าน เป็นแรงบันดาลใจเบื้องหลังสำหรับแนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere โดยเมืองต่างๆไม่เคยหยุดการเจริญเติบโตและพัฒนา เมื่อเรามองไปทางไหนก็จะมีแต่อะไรใหม่ๆ ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีบางสิ่งที่ยังคงอยู่เหนือกาลเวลา ที่บริษัท Audi ของเรา ล้วนแล้วแต่มีปรัชญาเดียวกันก็คือ เรามักจะยึดติดกับอดีตของเรา ในขณะที่ก็มุ่งก้าวไปสู่วิสัยทัศน์ในอนาคตด้วย เป็นผสมผสานประสบการณ์ที่ได้จากอดีตกับความทะเยอทะยานที่จะมุ่งไปวันพรุ่งนี้”

 

Henrik Wenders หัวหน้าของแบรนด์ Audi ได้ให้ความเห็นไว้สั้นๆว่า “การเอามนุษย์เป็นศูนย์กลางนั้น ถือเป็นส่วนสำคัญใน DNA ของแบรนด์ Audi และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เราออกแบบแนวคิดที่มีชื่อว่า Urbansphere โดยมุ่งตรงไปสู่ลูกค้า เราได้รวบรวมความต้องการของพวกเขาไว้ในกระบวนการตั้งแต่เริ่มต้นและมีความลึกซึ้งมากกว่าที่เราเคยทำมา”

 

นอกจากนี้ Oliver Hoffmann ยังได้กล่าวเสริมอีกว่า “ทีมงานระดับโลกของเรา ล้วนแล้วแต่มีความสามารถอย่างน่าเหลือเชื่อ และพวกเขาก็รู้วิธีที่จะเปลี่ยนจากสิ่งที่อยู่ในความคิดให้เป็นความจริง แต่เราก็มักจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่งอยู่เสมอ เพื่อทำความเข้าใจว่าผู้คนต้องการอะไร และใช้ความรู้นั้นเป็นพื้นฐานสำหรับการออกแบบและพัฒนา ด้วยแนวคิดแบบ Urbansphere เราจึงทำให้แนวคิดนี้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น แน่นอน! เราพาลูกค้ามาเยี่ยมชมสตูดิโอสำหรับการออกแบบของเรา เพื่อการผสมผสานข้อมูลเชิงลึกกับความรู้ความชำนาญที่มีในส่วนของนักออกแบบและวิศวกรของเรา”

Wu Yunzhou ซึ่งเป็นฝ่ายประสานงานการออกแบบภายในของ Audi ในประเทศจีน ได้บอกกับเราว่า “สิ่งที่สำคัญก็คือ คุณต้องมีความเชื่อมโยงกันระหว่างงานศิลปะของคุณกับโลกแห่งความเป็นจริง สำหรับโครงการนี้ เราต้องการการพูดคุยแบบซึ่งๆหน้ากับลูกค้าของเรา โดยเราจะนั่งเคียงข้างกันไปสำหรับการสร้างรถยนต์รุ่นใหม่”

 

Gary Telaak ฝ่ายออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกของ Audi กล่าวว่า “แทนที่เราจะเลือกฟังลูกค้าจากการสนทนาแบบกลุ่ม เรากลับเลือกที่จะทำงานโดยตรงกับพวกเขา ผ่านกระบวนการออกแบบที่ Audi Design Studio ในกรุงปักกิ่ง และผลที่ได้ คือ เกมส์ที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง”

 

Marius Kohlhepp ผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า ได้ออกความเห็นไว้ว่า “เมื่อคุณกำลังทำงานในการสร้างรถรุ่นใหม่ คุณมักจะต้องเก็บความลับไว้ในระดับสูง แต่การเปิดรับตัวเองและความโปร่งใส ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหม่สุดๆสำหรับเราและเพื่อนร่วมงานด้านการออกแบบของเราด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของลูกค้าก็ได้ให้ความชื่นชมเราจริงๆ ที่เราได้นำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของพวกเขามาใช้พิจารณา”

 

Henrik Wenders ยังได้กล่าวเสริมอีกว่า “วิธีการทำงานเช่นนี้ ทำให้เราค้นพบว่าสิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกันก็คือ พื้นที่ส่วนตัวของพวกเขานั้นมีคุณค่ามาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกัน”

 

Oliver Hoffmann บอกกับเราว่า “ด้วยเหตุนี้ แนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere จึงได้รับการออกแบบและพัฒนาจากภายในสู่ภายนอก โดยเน้นไปที่ประสบการณ์ของผู้โดยสาร ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมของความเป็นเมือง ซึ่งพื้นที่ว่างนั้นหาได้ยาก ดังนั้น ความกว้างขวางจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แนวคิดของ Audi Urbansphere จะช่วยให้ผู้คนก้าวออกจากชีวิตในเมืองที่สุดแสนจะพลุกพล่านวุ่นวาย ไปสู่ห้องโดยสารภายในอันเงียบสงบและกว้างขวาง”

ความเป็นตัวตนจากภายในสู่ภายนอก

เฉกเช่นเดียวกับแนวคิดของรถ Audi รุ่น Skysphere และรุ่น Grandsphere ที่มีความยืดหยุ่นในแพลตฟอร์มสำหรับการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในระบบแบบอัตโนมัติทั้งหมด ที่ช่วยให้ทีมออกแบบของ Audi ได้มีโอกาสคิดทบทวนในเรื่องของการออกแบบตกแต่งภายใน ซึ่งจะเกิดขึ้นในแนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere ด้วยการใช้แพลตฟอร์ม Premium Platform Electric (PPE) แบบแยกส่วนของแบรนด์ Audi ซึ่งทำให้รถรุ่นนี้มีสัดส่วนพื้นฐานที่สมบูรณ์แบบสำหรับพื้นที่ภายในห้องโดยสาร โดยเป็นการผสมผสานระหว่างระยะยื่นที่มีขนาดสั้น สำหรับรถที่มีระยะฐานล้อยาว 3.4 เมตร และแบตเตอรี่แบบ Low-Slung สำหรับรถที่มีความสูงภายในสูงสุดกว่า 1.78 เมตร

 

และนั่นก็หมายความถึงนวัตกรรมต่างๆ เช่น ประตูบานพับแบบ Counter-Hinged ที่เปิดออกได้อย่างกว้างขวาง และเบาะหลังที่สามารถหมุนได้ถึง 25 องศา เพื่อให้ผู้โดยสารเข้าไปนั่งในรถได้ง่ายขึ้น และรวมทั้งการหันหน้าชนกันเพื่อพูดคุยได้อย่างใกล้ชิด ในขณะที่ตัวเบาะเองก็สามารถปรับเอนได้ถึง 60 องศา ซึ่งนับว่าเป็นการใช้ชีวิตในระดับเฟิร์สคลาสอย่างแท้จริง

 

แนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere นั้นช่างมีความทันสมัยอย่างเหลือเชื่อ! เช่นการติดตั้งระบบการจดจำใบหน้า ที่สามารถสร้างความเป็นส่วนตัวได้อย่างสูง และความสามารถในการปรับแต่งระดับสูงของแอพพลิเคชั่นในรถสำหรับใช้เพื่อการทำงานและความบันเทิง เช่นในเวลาที่ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหลังนั้น ต้องการเลือกระบบความบันเทิงที่แยกออกจากกัน หรือในเวลาที่ผู้โดยสารต้องการโทรศัพท์แบบเป็นการส่วนตัว ก็สามารถใช้พนักพิงศีรษะที่มีหน้าจอ พร้อมกับโซนเสียงที่มีความเป็นส่วนตัว และจอภาพส่วนตัวที่อยู่บริเวณด้านหลังของเบาะที่นั่งด้านหน้าได้

 

ส่วนของทางเลือกอื่นๆที่มีเช่น หน้าจอ OLED  Cinema Screen แบบโปร่งใส ที่มีขนาดใหญ่เต็มความกว้างที่ยื่นออกมาจากส่วนเพดานรถ ซึ่งทำให้ผู้โดยสารที่นั่งอยู่ตอนหลังสามารถรับชมภาพยนตร์หรือทำการประชุม Video Conference กับเหล่าบรรดาเพื่อนๆได้ และแน่นอน! พวกเขาสามารถทำได้จากตัวเลือกส่วนบุคคลแบบแยกหน้าจอที่มี

 

Henrik Wenders ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า “เรารู้ว่าพื้นที่ส่วนตัวเป็นสิ่งที่มีค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในเมืองใหญ่ แนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere ก็ได้ให้อิสระในเรื่องนี้อย่างสูงสุด แต่ที่อยู่เหนือกว่านั้น ก็คือนวัตกรรมเทคโนโลยีในรถยนต์ที่ช่วยมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและความดื่มด่ำให้กับผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการผ่อนคลาย การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เรื่องความบันเทิง หรือแม้เรื่องของการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้โดยสาร”

 

Hildegard Wormann ผู้เป็นกรรมการฝ่ายขายและการตลาดของแบรนด์ Audi ได้กล่าวไว้ว่า “เมื่อผู้คนมีการเดินทางและต้องทำงานจากทางไกลมากขึ้น เราจึงต้องการค้นหาวิธีใหม่ๆเพื่อที่จะทำงานร่วมกัน ซึ่งแนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere นั้น สามารถตอบสนองความต้องการด้วยการยกระดับใหม่ ในเรื่องของอิสรภาพในการทำงานร่วมกันและเพิ่มความยืดหยุ่นในการอยู่ร่วมกันกับเพื่อนๆหรือครอบครัวให้มากขึ้น ไม่ว่าเราจะอยู่ที่แห่งหนใดในโลกก็ตาม”

 

นอกจากนี้ Gary Telaak ยังได้บอกอีกว่า “ระบบ Digital Assistant ของแบรนด์ Audi นั้น จะพร้อมให้คุณใช้งานไม่ว่าคุณจะนั่งอยู่ ณ ที่ใด เป็นการทำให้ประสบการณ์ของคุณมีรูปแบบเฉพาะตัว โดยคุณสามารถตั้งค่าในเรื่องความสะดวกสบายส่วนตัวของคุณได้ เช่น ตำแหน่งที่นั่ง แสง อุณหภูมิ เสียง และส่วนของจอแสดงผล ซึ่งทั้งหมดนี้คุณสามารถปรับได้ทีละรายการ และเราก็มีแม้กระทั่งระบบ Privacy Shield ให้คุณ ดังนั้นจึงพูดได้ว่า ในขณะที่คุณกำลังประชุมทางโทรศัพท์อยู่ ผู้โดยสารอีกคนหนึ่งอาจจะกำลังนั่งชิลล์ด้วยการปรับแสงสว่างให้ลดลง และเปิดเสียงเพลงเพื่อผ่อนคลายอยู่ โดยที่กิจกรรมของคุณจะไม่เป็นการรบกวนอีกฝ่ายหนึ่งเลย”

 

Henrik Wenders กล่าวต่อไปอีกว่า “แนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere จะมอบพื้นที่ส่วนบุคคลในรูปแบบใหม่ สำหรับการใช้เวลาให้มีคุณภาพสูงสุด ซึ่งจะช่วยให้เกิดประสิทธิผล ความคิดสร้างสรรค์ และช่วงเวลาที่มีความหมายสำหรับผู้โดยสารทุกคน และยังมีองค์ประกอบอื่นๆอีกมากมายที่เราจะนำเสนอ โดยรถคันนี้จะเป็นดั่งห้องนั่งเล่นของคุณ ที่ทำงานของคุณ โรงภาพยนตร์ของคุณ และเป็นสิ่งที่มอบประสบการณ์แบบส่วนตัวให้กับคุณ”

การเป็นพื้นที่สำหรับสุขภาพที่ดี

ทุกสิ่งทุกอย่างในแนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สงบเงียบ ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายจากสิ่งรบกวนภายนอกที่มีในตัวเมือง ตั้งแต่เรื่องการเลือกใช้วัสดุสีเบจ สีเทา และสีเขียวที่มีโทนสีอ่อนลง ไปจนถึงจอแสดงผลการขับขี่ที่เรียบง่าย ซึ่งจะแสดงบนแผงหน้าปัดที่ทำจากไม้ที่มีขนาดเต็มความกว้างของคอนโซลรถ รวมถึงระบบควบคุมการขับขี่ที่สามารถดึงกลับไปสู่โหมดอัตโนมัติเพื่อการเพิ่มพื้นที่บริเวณด้านหน้า และระบบควบคุมด้วยการสัมผัส ระบบ Eye-Tracking และระบบควบคุมด้วยท่าทาง

 

การใช้วัสดุตกแต่งภายในที่มีคุณภาพสูงจำนวนมาก ซึ่งมาจากแหล่งกำเนิดที่ยั่งยืนกว่า ซึ่งรวมถึงการใช้แผ่นไม้อัดที่ทำจากต้นฮอร์นบีม ที่ถูกปลูกขึ้นใกล้กับแหล่งผลิต และถูกผลิตขึ้นด้วยกระบวนการปลอดสารเคมี โดยใช้ลำต้นของต้นไม้ที่มีทั้งหมด ส่วนของขอบที่นั่งก็ทำจากวัสดุใยสังเคราะห์รีไซเคิล ในขณะที่ผ้าวิสโคสก็ทำจากไม้ไผ่ที่โตได้เร็วกว่าไม้ธรรมดา กรรมวิธีทั้งหมดนี้ใช้คาร์บอนที่น้อยกว่า และไม่ต้องการใช้สารกำจัดวัชพืชหรือยาฆ่าแมลงใดๆเลย

 

สุดท้ายก็คือส่วนของคอนโซลตรงกลาง โดยบริเวณระหว่างเบาะนั่งด้านหลังจะมีตู้กดน้ำและแก้วไว้ให้ ในขณะที่ระบบการจดจำใบหน้าและการวิเคราะห์ด้วยเสียง ก็สามารถตรวจจับอารมณ์ความรู้สึกของคุณ และจะเสนอคำแนะนำในการใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อการผ่อนคลายและทำสมาธิให้กับคุณ

 

Henrik Wenders ได้กล่าวถึงส่วนนี้ว่า “เมื่อเราพูดถึงเรื่องของพื้นที่ มันไม่ใช่แค่พื้นที่ทางกายภาพเท่านั้น แต่ผู้คนยังมองหาพื้นที่ทางจิตใจเพื่อชะลอชีวิตที่เร่งรีบของพวกเขาอีกด้วย ผู้คนให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในการทำงาน การเชื่อมต่อกับกิจกรรมต่างๆ และการเติมไฟให้กับชีวิตของตัวเอง”

 

Gary Telaak กล่าวเสริมอีกว่า “การตกแต่งพื้นที่ภายในรถที่เปิดโล่งและสะอาดสะอ้าน โดยใช้การออกแบบจากวัสดุที่มีความยั่งยืนและการใช้แสงโดยรอบให้เกิดความเงียบสงบ ไม่ว่าคุณจะนั่งอยู่บริเวณด้านหน้าหรือด้านหลัง ที่นั่งระดับเฟิร์สคลาสของเราก็กว้างขวางและให้ความผ่อนคลายได้อย่างมาก เมื่อใดก็ตามที่ผู้โดยสารได้เข้าไปนั่งในที่นั่งแล้ว พวกเขาสามารถเลือกใช้โปรแกรมเพื่อสุขภาพในการตรวจสอบระดับความเครียดได้อีกด้วย โดยระบบจะทำการสแกนใบหน้าและเสียง แล้วแอพพลิเคชั่นจะเสนอวิธีการที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้ผู้โดยสารคลายความเครียดตามความจำเป็น ยกตัวอย่างเช่น เซสชั่นเพื่อการทำสมาธิ เป็นต้น”

ขนาดของรถและพลังงานที่ทำให้คุณรู้สึกถึงความโฉบเฉี่ยว

ด้วยความยาวของตัวถังรถที่มีขนาด 5.5 เมตรนั้น ทำให้รถ Audi รุ่น Urbansphere เป็นรถในตระกูล 'Sphere' ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน 3 รุ่น แต่การออกแบบที่ทำให้ไลน์ของหลังคานั้นลดต่ำลง ในขณะที่ความยาวของรถนั้นมีการยืดออกอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งในส่วนของการออกแบบพื้นผิวของตัวถัง และ Quattro Muscles อันทรงพลังของรถนั้น ล้วนเป็นการเน้นย้ำและจำลองภาพ DNA อันเป็นมรดกในการออกแบบของแบรนด์ Audi ขึ้นมาใหม่ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าแนวคิดของรถรุ่น Urbansphere นี้ จะมีภาพสะท้อนแบบไดนามิกที่ดูโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ต โดยไม่ต้องคำนึงถึงขนาดของรถและให้ความรู้สึกที่ชัดเจนในความเป็น Audi อย่างแน่นอน

 

Gary Telaak ผู้มีหน้าที่ดูแลในเรื่องนี้โดยตรงได้กล่าวว่า “นี่คือตัวถังรถรูปแบบใหม่ของแบรนด์ Audi และเราต้องการให้แน่ใจว่า เราได้ใช้งานในเรื่องของความสะดวกสบายจากประสบการณ์ที่ได้จากภายในรถที่มีความกว้างขวาง ซึ่งนั่นจะนำไปสู่สิ่งที่อยู่ภายนอกรถ ที่จะเกิดความมั่นใจและแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติในการขยายพื้นที่ภายในรถให้ได้สูงที่สุด มันค่อนข้างท้าทายที่จะผสมผสานการตกแต่งภายในที่กว้างขวางให้เข้ากับรูปแบบตัวถังที่เป็นแบบไดนามิก และสไตล์ของตัวถังรถที่ให้ความรู้สึกในความเป็น Audi ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี”

 

Philipp Roemers หัวหน้าแผนกออกแบบภายนอกตัวรถ ได้กล่าวว่า “แถบอลูมิเนียมที่ด้านบนของห้องโดยสาร ซึ่งถูกติดตั้งยาวไปถึงสปอยเลอร์นั้น หมายความว่าเราสามารถทำให้ตอนหน้าของรถนั้น รู้สึกลาดต่ำลงและโฉบเฉี่ยวกว่าที่เป็นจริงได้ และหากจะพูดกันโดยทั่วไปแล้ว แบรนด์ Audi ยังมีองค์ประกอบอื่นๆอีกมากมาย ที่บ่งบอกความเป็น Audi ได้อย่างชัดเจน และเราก็ได้เน้นไปที่สิ่งต่างๆเหล่านั้นเช่นกัน นอกจากนี้ เรายังติดตั้งล้อขนาดใหญ่ 24 นิ้ว และมีระยะฐานล้อที่ยาว พร้อมระยะ Overhang ที่สั้นในด้านหน้า และระยะ Overhang ที่ยาวกว่าในด้านหลัง กล่าวคือ เราต้องการสร้างรถยนต์ที่มีความน่าดึงดูดใจและล้ำสมัยที่สุดในทุกๆเซ็กเมนต์ และผมคิดว่ารถรุ่น Urbansphere นี้ ออกมาได้ค่อนข้างน่าทึ่งเลยทีเดียว”

 

และด้วยแรงบิดไฟฟ้าขนาด 400PS และ 690Nm ที่พร้อมใช้งานได้ในทันที โดยทั้งหมดจะถูกส่งผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ quattro อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Audi โดยแนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere นี้ ก็ได้ให้ประสิทธิภาพที่เพียงพอสำหรับการขับขี่ในเขตเมืองและบนเส้นทางมอเตอร์เวย์ได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่แบตเตอรี่ความจุสูงขนาด 120kWh สามารถทำให้รถวิ่งได้ในระยะทางสูงสุดถึง 466 ไมล์ (ประมาณ 749 กิโลเมตร)

 

ในส่วนของเทคโนโลยีการชาร์จขนาด 800V นั้น จะช่วยให้คุณเข้าถึงที่ชาร์จไฟที่ขนาด 270kW ได้ ซึ่งสามารถทำให้รถ Audi รุ่น Urbansphere นี้ วิ่งได้ในระยะทาง 186 ไมล์ (ประมาณ 299 กิโลเมตร) โดยใช้เวลาในการชาร์จเพียง 10 นาที หรือช่วงการชาร์จระหว่าง 5% - 80% ได้ในเวลาเพียง 25 นาที ซึ่งจะทำให้ทุกการเดินทางนั้นรวดเร็วและเป็นเรื่องง่ายดาย

ช่วยเติมแสงไฟให้รถส่องสว่าง

แม้ในยามมืดมิด แนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere ก็ไม่มีวันที่จะพลาดจากการทำหน้าที่ของตัวเอง ด้วยรูปแบบกระจังหน้าแบบเฟรมเดียวอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Audi แต่ในรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้านั้น ไม่จำเป็นต้องมีช่องที่ให้อากาศเข้า ดังนั้น ผู้อออกแบบจึงได้พัฒนาให้ออกมาเป็นไฟหน้าแบบ LED เมทริกซ์ 3 มิติ ที่เรียกว่า Audi Light Canvas

 

สิ่งที่เราจะเห็นได้ชัดจากการออกแบบที่ส่งผลให้เกิด Dynamic Effects ทั้งในส่วนของด้านหน้าและด้านหลังรถรุ่นนี้ คือ การแสดงสัญญาณไฟของรถที่เห็นได้อย่างชัดเจนไปสู่ผู้ร่วมใช้ท้องถนน ในขณะที่รูปแบบไฟต่างๆเหล่านี้ ก็ยังออกแสดงซึ่งความมีบุคลิกของผู้ใช้รถรุ่น Urbansphere นี้ได้อย่างเด่นชัด อันที่จริงแล้วรูปแบบไฟที่เรียกว่า Audi Light Canvas นี้ มันได้ส่งผลให้ส่วนด้านหน้าของรถนั้น มีความเป็นเอกลักษณ์ในสไตล์เฉพาะสำหรับรถในแนวคิดแบบ Urbansphere รุ่นนี้ ด้วยตัวของมันเอง โดยจะให้การโฟกัสไปที่หลอดไฟหลักที่เรียกว่า “Audi Eyes” ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณใต้คิ้วของไฟเลี้ยว

 

Gary Telaak ได้ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า “บริษัท Audi ของเรานั้น ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าด้านนวัตกรรม เมื่อคุณพูดถึงเรื่องการออกแบบของไฟอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ โดยโฉมหน้าของไฟ LED เมทริกซ์ ที่มีชื่อว่า Audi Light Canvas นี้ จะมีการปรับรูปแบบแสงให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมภายนอก ยามเมื่อรถรุ่น Urbansphere นี้ ถูกตั้งให้อยู่ในโหมดของการขับขี่อัตโนมัติ นอกจากนี้ มันยังสามารถปรับแสงในรูปแบบที่เป็นส่วนตัว ด้วยการแสดงรูปแบบแสงและแอนิเมชั่นที่แตกต่างกันออกไป เพื่อแสดงออกซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ส่วนบุคคลจากภายในไปสู่ภายนอกรถได้อีกด้วย”

 

Philipp Roemers เสริมว่า “เหล่าบรรดาลูกค้าที่เราได้พูดคุยด้วยในระหว่างการพัฒนาแนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere นั้น ต่างต้องการให้บริเวณด้านหน้าของรถนั้นแสดงออกถึงความมั่นใจ แต่ก็ไม่ถึงกับต้องดุดัน ซึ่งผมคิดว่าเราก็ทำมันออกมาได้สำเร็จแล้ว”

 

Gary Telaak กล่าวเพิ่มอีกว่า “แนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere นั้น เป็นการนำเสนอสิ่งที่คุณต้องการจากซึ่งออกมาจากภายใน และช่วยให้คุณได้แสดงออกถึงตัวตนของตัวเองสู่ภายนอก สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ของผู้โดยสารในแนวทางที่มีความหมาย ไม่เพียงเท่านั้น มันยังเป็นการแสดงออกถึงรูปแบบในสไตล์การออกแบบของ Audi อีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก สำหรับการก้าวไปข้างหน้าของแบรนด์เรา”

 

และเพื่อเป็นการเอาใจตลาดในประเทศจีน แนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere นี้ จึงได้ติดตั้งนวัตกรรมของไฟที่เรียกว่า Audi Light Umbrella ที่สามารถเรืองแสงในตัวเอง เป็นการใช้วัสดุสะท้อนแสงที่ปราศจากแสงสะท้อนบนพื้นผิวภายใน ซึ่งจะทำให้เจ้าของรถได้รับแสงสว่างจากบริเวณแวดล้อมได้ดีขึ้น หรืออย่างน้อยเป็นก็เป็นสิ่งที่ดูเก๋ไก๋เวลาที่คุณต้องการถ่ายภาพเซลฟี่ ในขณะมันยังทำหน้าที่เป็นไฟนำทางยาม (คล้ายกับการปูพรมแดงให้เดินในงานต่างๆ) เมื่อคุณต้องการเข้าสู่ตัวรถในยามค่ำคืน นอกจากนี้ นวัตกรรมของไฟแบบ Audi Light Umbrella นั้น ยังสามารถทำให้ไฟนั้นกระพริบเป็นจังหวะ เพื่อเตือนไปถึงผู้ขับขี่ร่วมท้องถนนหรือคนเดินถนนอื่นๆ ให้รู้ถึงตำแหน่งและทิศทางของรถคุณที่กำลังจะมาหรือไป

เรื่องราวของแนวทางในอนาคตของพวกเรา

ในขณะที่แนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere, Grandsphere และ Skysphere นั้น ต่างก้าวทะลุจากขอบเขตของสิ่งที่เป็นไปได้ในการออกแบบรถยนต์ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ 'เรื่องลมๆแล้งๆที่ไม่มีวันจะเป็นจริงได้' โดยในระหว่างการเปิดตัวรถในแนวคิดแบบ Urbansphere นั้น Audi ได้เปิดเผยว่า แนวคิดจากการออกแบบจำนวนมากที่อยู่ในรถรุ่น Grandsphere นั้น จะเข้าสู่กระบวนการผลิตภายในปี 2025 และเชื่อว่ามันคงจะยังมีการปรับเปลี่ยนในขั้นตอนสุดท้ายอย่างแน่นอน เราทุกคนต่างคิดว่าแนวคิดของรถ Audi รุ่น Urbansphere นั้น ก็คงเป็นรุ่นสุดท้ายในรถ 3 รุ่นที่ออกมา แต่สุดท้ายก็อาจมีการสร้างรถในตระกูล “Sphere” รุ่นที่ 4 ออกมาได้อีก ซึ่งเข้าใจว่ากำลังอยู่ในช่วงการเตรียมงาน

 

Oliver Hoffmann ได้กล่าวว่า “ที่ Audi นั้น เราทำการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงจุดประสงค์ในการใช้งานเสมอ ซึ่งรถในตระกูล "Sphere" ของเรา คือ วิสัยทัศน์อันชัดเจนที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของระบบโมบิลิตี้ระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบไฟฟ้า ระบบอัตโนมัติ และระบบการเชื่อมต่อ ในส่วนของการออกแบบก็เช่นกัน พวกเราได้ผสมผสานเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม เข้ากับความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารระดับพรีเมียม และความยั่งยืนที่ยึดคำว่า “มนุษย์” เป็นศูนย์กลาง พวกเราไม่เพียงแต่เน้นไปที่ความพึงพอใจในการขับขี่เท่านั้น พวกเรายังสามารถยกระดับในเรื่องประสบการณ์ของลูกค้าให้ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้ด้วย”

 

ท้ายที่สุด หัวหน้าของแบรนด์ Audi อย่าง Henrik Wenders ได้กล่าวปิดท้ายไว้ว่า “ความสวยงามของความก้าวหน้านั้นคือ มันไม่มีเส้นชัย ยังมีอะไรอีกมากมายให้เราได้ค้นหา เรียนรู้ และสร้างสรรค์ การออกแบบสำหรับวันพรุ่งนี้หมายถึงการก้าวข้ามสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปได้ในวันนี้ ไม่มีอะไรที่ดีกว่าความรู้สึกที่สามารถกำหนดอนาคตของเราเองได้ ที่ Audi เรามีส่วนร่วมกับลูกค้าจากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราเข้าใจว่าผู้คนต้องการอะไร และเราก็ได้สร้างวิสัยทัศน์อันเกี่ยวเนื่องจากความต้องการและความคาดหวังเหล่านั้น เพื่อให้สิ่งที่อยู่ในจินตนาการของเราในอดีตเป็นจริงได้ในวันพรุ่งนี้”

 

ข้อมูลและภาพจาก autocar

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ