จีนเปิดตัว “รถบรรทุกเหมืองไฟฟ้าไร้คนขับ” ครั้งแรกของโลก
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 21 พ.ค. 68 11:05
- 1,011 อ่าน
วงการเหมืองแร่ทั่วโลกต้องจับตา เมื่อจีนเปิดตัว “รถบรรทุกไฟฟ้าไร้คนขับ” จำนวนมากกว่า 100 คัน ที่ทำงานอยู่จริงในเหมืองถ่านหินแบบเปิดกลางแจ้ง ณ เมือง Yimin ในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ถือเป็นการพลิกโฉมอุตสาหกรรมเหมืองด้วยนวัตกรรมขับเคลื่อนด้วย AI และพลังงานสะอาดอย่างแท้จริง
รถบรรทุกที่ใช้งานในโครงการนี้คือรุ่น XCMG ZNK95 ซึ่งสามารถบรรทุกวัสดุได้ถึง 85 ตัน และใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 509 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของรถถูกออกแบบมาพร้อมเรดาร์คลื่นมิลลิเมตร กล้องตรวจจับภาพ และหน่วยประมวลผล AI ขั้นสูง รถสามารถทำงานได้ในสภาพอากาศที่หนาวจัดถึง -40 องศาเซลเซียส และสามารถขนวัสดุได้โดยไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุมแม้แต่น้อย
หนึ่งในจุดเด่นของระบบนี้คือการ เปลี่ยนแบตเตอรี่แบบรวดเร็ว (battery swapping) ซึ่งทำให้ไม่ต้องเสียเวลารอชาร์จ สามารถถอดแบตเตอรี่ที่หมดออกแล้วใส่ก้อนใหม่เข้าไปแทนทันที และที่สำคัญคือพลังงานที่ใช้ชาร์จมาจาก “พลังงานแสงอาทิตย์” 100% ตามข้อมูลจาก Shu Yingqiu ผู้อำนวยการเหมือง Huaneng Yimin ซึ่งเผยกับสื่อ China Daily ว่า “รถแต่ละคันมีประสิทธิภาพการขนส่งสูงกว่าการขับขี่ด้วยมนุษย์ถึง 120% และยังทำงานต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมที่มีแรงสั่นสะเทือนสูงและอุณหภูมิต่ำได้อย่างไร้ปัญหา”
แม้ว่ารถเหล่านี้จะขน “ถ่านหิน” ซึ่งไม่ได้เป็นพลังงานสะอาด แต่ในภาพรวมถือว่าลดมลภาวะได้มาก เพราะไม่ปล่อยไอเสียจากดีเซล และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO₂ ได้หลายพันตันต่อปี เทคโนโลยีนี้ยังถูกสนับสนุนโดย Huawei ซึ่งได้ติดตั้งเครือข่าย 5G-Advanced (5G-A) ภายในเหมืองเพื่อให้รถแต่ละคันสามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกับศูนย์ควบคุมผ่านคลาวด์แบบเรียลไทม์ ด้วยความเร็วอัปโหลด 500 Mbps และความหน่วงต่ำเพียง 20 มิลลิวินาที
รถบรรทุกไฟฟ้าไร้คนขับ นี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานเหมืองโดยรวมได้ถึง 20% เมื่อเทียบกับระบบที่ใช้แรงงานคน ซึ่งหมายถึงการลดต้นทุนการขนส่งอย่างมีนัยสำคัญในระยะยาว โครงการนี้ถือเป็นความร่วมมือของ Huaneng Group บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน
จากรายงานของ CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของโลก ยังคาดการณ์ว่า รถบรรทุกไฟฟ้าในอุตสาหกรรมเหมืองอาจมีสัดส่วนสูงถึงครึ่งหนึ่งของตลาดทั้งหมดภายในปี 2028 และจีนก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า กำลังวิ่งนำหน้าโลกในเส้นทางนี้
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com