GM เตรียมขาดทุน 1.6 พันล้านดอลลาร์ หลังสิทธิ์ลดหย่อนภาษี EV สิ้นสุด พร้อมปรับกลยุทธ์รับมือยอดขายชะลอตัว
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 19 ต.ค. 68 10:30
- 1,018 อ่าน
การสิ้นสุดของสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ General Motors (GM) ต้องเผชิญกับผลกระทบทางการเงินครั้งใหญ่ โดยคาดว่าบริษัทจะขาดทุนสูงถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสถัดไป ขณะที่พยายามปรับแผนการผลิตและการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าให้สอดคล้องกับความต้องการที่เริ่มชะลอตัวและแรงจูงใจจากรัฐที่ลดลง
การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจาก Ford เปิดเผยว่าจะตัดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ EV ลงกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และบันทึกมูลค่าทรัพย์สินการผลิตที่ลดลงราว 400 ล้านดอลลาร์ โดยมีผลกระทบต่อโครงการรถ SUV ไฟฟ้าแบบ 3 แถว และรถกระบะไฟฟ้าขนาดใหญ่
ในรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 GM ระบุว่าคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติค่าใช้จ่าย 1.6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับการ “ปรับโครงสร้างกลยุทธ์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด” โดยแบ่งเป็น
* 1.2 พันล้านดอลลาร์ สำหรับปรับลดกำลังการผลิตและโครงสร้างการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
* 400 ล้านดอลลาร์ สำหรับค่าชดเชยการยกเลิกสัญญา และข้อตกลงทางพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนใน EV ซึ่งส่วนนี้จะส่งผลต่อกระแสเงินสดโดยตรง
GM ยังเตือนว่า อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในอนาคต ทั้งในรูปแบบที่เป็นเงินสดและไม่ใช่เงินสด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการและกระแสเงินสดของบริษัทเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม GM ยืนยันว่ามาตรการเหล่านี้จะไม่กระทบต่อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่มีอยู่ในตลาดภายใต้แบรนด์ Chevrolet, GMC และ Cadillac ในขณะนี้
แม้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะยังเติบโตต่อเนื่อง โดย GM มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 107% ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน และเพิ่มขึ้น 105% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่บริษัทก็เตือนว่า อัตราการนำรถ EV ไปใช้งานในอนาคตอาจชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากการสิ้นสุดของสิทธิประโยชน์ทางภาษี และแนวโน้มการผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการปล่อยมลพิษ
ในไตรมาสที่ผ่านมา GM มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ารวม 66,501 คัน โดย Chevrolet ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์รถ EV อันดับสองของสหรัฐฯ และ Equinox EV กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่แบรนด์ Tesla ที่มียอดขายสูงที่สุด
การปรับตัวครั้งใหญ่นี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งแม้จะมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากความผันผวนของนโยบายรัฐและพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยังไม่แน่นอน
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com