เปิดตัวแล้วรถกระบะไฟฟ้าใหม่ Ford F-150 Lightning ปี 2022 ในอเมริกา

ว่ากันว่านี่คือรถกระบะ Ford F-150 ที่แรงที่สุดที่เคยมีมากับราคาที่น่าสนใจไม่น้อย หลังจากที่เผยทีเซอร์ออกมาเล็ก ๆ และไม่กี่วันที่ผ่านมาหลังจากที่ทางประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน ไปเยี่ยมที่โรงงานฟอร์ดและได้ขับทดสอบรถกระบะไฟฟ้ารุ่นนี้ก่อนเรียบร้อย ล่าสุดเผยโฉมพร้อมราคาค่าตัวออกมาแล้วเรียบร้อย กับราคารถเริ่ม $39,974 หรือราว 1.25 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาก่อนมีการสนับสนุนมาตรการจูงใจด้านภาษีของรัฐ

คาดการณ์กันว่ารถกระบะไฟฟ้าใหม่ Ford F-150 Lightning นี้ จะเป็นรถกระบะที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอเมริกา และในตลาดอื่น ๆ ก็มีแนวโน้มมีความต้องการด้วยเช่นกัน มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD มีโหมดการขับขี่สี่โหมด Normal, Sport, Off-Road และ Tow/Haul และครั้งแรกของตระกูล F-Series ที่ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระ 

ตัวถังอลูมิเนียมอัลลอยด์เกรดทหารที่ผ่านการทดสอบความทนทาน แบตเตอรี่ติดตั้งใต้ท้องรถพร้อมแผ่นป้องกัน แบตเตอรี่มีมาให้เลือก 2 ขนาด ในรุ่น standard range หรือ extended range โดยยังไม่มีการเปิดเผยในส่วนของขนาดแบตเตอรี่ แต่มีการให้ข้อมูลว่าสามารถวิ่งได้ไกล 370 กม. และ 483 กม. ตามลำดับแต่ละรุ่น

ดีไซน์รูปลักษณ์ต่าง ๆ แตกต่างจาก F-150 เวอร์ชั่นเครื่องยนต์ไม่มากนัก โดยรถกระบะไฟฟ้าใหม่ Ford F-150 Lightning โดดเด่นมาด้วยแถบไฟ LED ใหม่ โดยเฉพาะด้านหน้าของตัวรถ และมีกระจังหน้าที่แตกต่างไป ดังนั้น DNA ของรถกระบะไฟฟ้านี้ยังมีความเป็นรถกระบะ Ford อยู่ แต่มีความล้ำสมัยมากขึ้น 

ในรุ่น standard range มาพร้อมพละกำลัง 426 แรงม้า และ extended range แรง 563 แรงม้า ให้แรงบิดมหาศาล 1,051 นิวตันเมตร สามารถโหลดน้ำหนักในรุ่น standard range ได้ 2,000 ปอนด์ และมีความสามารถในการลากจูงได้สูงสุด 7,700 ปอนด์ ส่วนของ extended range โหลดน้ำหนักบรรทุกได้น้อยกว่าที่ 1,800 ปอนด์ สามารถบอกระดับน้ำหนักบรรทุกได้โดยแสดงบนหน้าจอ แต่มีความสามารถลากจูงมากถึง 10,000 ปอนด์ ที่มากับออพชั่น Max Trailer Tow package

กระบะไฟฟ้าใหม่ Ford F-150 Lightning มาพร้อมออนบอร์ดชาร์จ Level 2 สูงสุดที่ 19.2 กิโลวัตต์ แต่ในรุ่น standard range อยู่ที่ 11.3 กิโลวัตต์ ส่วนของการชาร์จด่วน DC ข้อมูลยังไม่เผยแต่ทางค่ายน่าจะรองรับไม่น้อยกว่า 150 กิโลวัตต์ ซึ่งการชาร์จที่ระดับนี้ ทำให้การชาร์จ 15% - 80% ใช้เวลา 44 นาที ในรุ่น standard และ 41 นาทีในรุ่น extended

ตัวรถมีพื้นที่เก็บสัมภาระที่มากขึ้นที่ใต้ฝากระโปรงหน้า แน่นอนว่าเครื่องยนต์ขนาดใหญ่นั้นไม่มีแล้ว ตัวรถสามารถจ่ายไฟให้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ มีจุดเสียบปลั๊กที่ด้านท้ายเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ให้พลังงานได้ถึง 2.4 กิโลวัตต์ ที่ด้านหน้า และด้านหลังจ่ายไฟ 7.2 กิโลวัตต์ พอสำหรับการใช้งานโทรทัศน์ ลำโพง หม้อต่าง ๆ เป็นต้น เรียกได้ว่าจะเป็นเพื่อการทำงานหรือการแคมป์ปิ้งก็สามารถ

ระบบความบันเทิงและการเชื่อมต่อเป็น SYNC4A ล่าสุด ใช้งานผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ 15.5 นิ้วแนวตั้ง รองรับระบบต่าง ๆ ทั้ง Amazon Alexa, App Link,  Apple CarPlay และ Android Auto อีกด้วยเป็นต้น และมีจอหน้าปัดแบบดิจิตอลขนาด 12 นิ้ว และระบบกล้องรอบคัน ปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ตด้วย 4G LTE Wi-Fi hotspot อีกด้วย

ระบบความปลอดภัยตัวช่วยการขับขี่ ADAS ที่ถูกเรียกว่า Blue Cruise พร้อมระบบ Ford Co-Pilot 360 Active 2.0 ที่ช่วยในการจอดรถ ตัวรถรองรับการอัพเดตแบบระยะไกล OTA over-the-air สนนราคารถเริ่ม $39,974 หรือราว 1.25 ล้านบาท และในรุ่นบนท็อปสุดราคา $90,000 หรือราว 2.82 ล้านบาท 

ที่มา insideevs

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com