ฟอร์ดยอมถอย กลับลำเตรียมพัฒนารถยนต์นั่งใหม่ในยุโรป หลังดีลเลอร์กดดันหนัก

หลังจากที่ฟอร์ดลดจำนวนรุ่นรถยนต์นั่งในยุโรปลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเลิกผลิต Fiesta, Mondeo, S-Max, Galaxy และเตรียมยุติการผลิต Focus ในช่วงปลายปี 2025 ความไม่พอใจจากเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของฟอร์ดอย่าง Explorer และ Capri ที่ใช้แพลตฟอร์มร่วมกับโฟล์คสวาเกนไม่สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้า

ล่าสุดมีรายงานว่า Jim Farley ซีอีโอของฟอร์ด ได้ประกาศในระหว่างการประชุมผ่านวิดีโอคอลกับเครือข่ายดีลเลอร์ในยุโรปว่าจะมีการลงทุนใหม่เพื่อกลับมาพัฒนารถยนต์นั่งสำหรับตลาดยุโรปอีกครั้ง โดย Christoph Herr ผู้บริหารของฟอร์ดในเยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ก็เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย แม้ฟอร์ดยังไม่ให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการ แต่ตัวแทนจำหน่ายรายหนึ่งระบุว่านี่คือ “ความโล่งใจครั้งใหญ่” และเป็นสัญญาณว่าแบรนด์อเมริกันรายนี้อาจหันกลับมาให้ความสำคัญกับรถยนต์นั่ง ไม่ใช่แค่รถพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว

ข้อมูลจาก Dataforce ระบุว่าในช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2025 รถยนต์นั่งที่ขายดีที่สุดของฟอร์ดในยุโรปคือ Puma SUV ขนาดเล็ก มียอดขาย 64,212 คัน ตามมาด้วย Kuga 44,573 คัน และ Focus ที่กำลังจะเลิกผลิตที่ 32,499 คัน ในขณะที่ Explorer EV ทำยอดได้ 15,764 คัน และ Capri EV เพียง 5,068 คันเท่านั้น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฟอร์ดหันไปมุ่งเน้นในกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ซึ่งสร้างผลกำไรได้มากกว่า โดยเฉพาะกลุ่ม Ford Pro ที่ตอนนี้มีส่วนแบ่งตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ในยุโรปเกือบ 20% มีรถหลักอย่าง Ranger ที่เป็นรถกระบะขนาดกลางขายดีที่สุดในยุโรป และตระกูล Transit ที่มีหลากหลายรุ่น เช่น Courier, Connect และ Custom นอกจากนี้ยังมีรุ่นสำหรับโดยสารในชื่อ Tourneo ซึ่งช่วยเสริมพอร์ตโฟลิโอได้ดีในช่วงที่รถยนต์นั่งกำลังลดจำนวนลง อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่าฟอร์ดเริ่มรับฟังเสียงของดีลเลอร์มากขึ้น และอาจกลับมาทำตลาดรถยนต์นั่งอย่างจริงจังในอนาคตอันใกล้

ที่มา Carscoops