“Kia” เตรียมออกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่กว่า 14 รุ่น ภายในปี 2027 ซึ่งจะรวมถึงรถกระบะ 2 รุ่น และรถแบบ Entry-Level

  • โดย : PR Autodeft
  • 4 มี.ค. 65
  • 4,298 อ่าน

วันหลังจาก Hyundai และ Genesis นำเสนอกลยุทธ์รถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขาในระหว่างงาน 2022 CEO Investor Day บริษัท Kia ก็ได้ประกาศแผนการในอนาคตของพวกเขาออกมา ซึ่งรวมถึงการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) จำนวน 14 รุ่น ที่จะออกมาภายในปี 2027 รถยนต์เกาหลียี่ห้อนี้ ตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกไว้ที่จำนวน 4 ล้านคันต่อปี ภายในปี 2030 โดยครึ่งหนึ่งจะเป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงรถยนต์ BEVs จำนวน 1.

แผนการใหม่ที่ออกมานี้ถือเป็นพัฒนาการทางกลยุทธ์ของ Kia ที่ใช้ชื่อว่า “แผนการ S” ซึ่งถูกประกาศออกมาในปี 2020 มีเป้าหมายในการมุ่งสู่การเป็น “ผู้ให้บริการที่ตอบโจทย์ด้านการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน” โดยมุ่งเน้นไปที่สามเสาหลัก คือ ผู้คน โลกใบนี้ และผลกำไร ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯจะทำการลงทุนกว่า 28 ล้านล้านวอน (23.2 พันล้านดอลลาร์) ในอีก 5 ปีข้างหน้านี้

ว่าด้วยเรื่องรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 14 รุ่น รวมถึงรถปิคอัพ 2 รุ่น และรถแบบ Entry-Level 

Kia จะเปิดตัวรถ BEV ใหม่ อย่างน้อยปีละ 2 รุ่น เพื่อให้มีรถ BEV เต็มรูปแบบครบทั้ง 14 รุ่นภายในปี 2027 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่วางเอาไว้ที่ 11 รุ่น ภายในปี 2026 ในบรรดารถรุ่นใหม่ทั้งหมด Kia ยืนยันว่าจะมีรถกระบะไฟฟ้าจำนวน 2 รุ่น ได้แก่ “รถกระบะเพื่อใช้งานเฉพาะทาง” และ “รถต้นแบบเชิงกลยุทธ์สำหรับตลาดที่จะเกิดใหม่” นอกจากนี้ยังได้ยืนยันว่าจะมีรถ BEV แบบ Entry-Level ด้วย ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการระบุสัดส่วน

โดยโมเดลดังกล่าวจะเข้าร่วมกับรุ่น EV6 ที่มีอยู่ และรุ่น EV9 ที่ได้รับการยืนยันแล้ว ควบคู่ไปกับรถเก๋งไฟฟ้า 4 ประตู  รถแฮทช์แบ็ค 5 ประตู และรถ SUV ที่ยังไม่ได้ระบุชื่ออีกจำนวนหนึ่งที่ถูกเปิดเผยออกมา การประกาศที่สำคัญอีกอย่าง คือ การจะเพิ่มประสิทธิภาพโดยเน้นไปที่รถรุ่น GT และขยายไปยังรถยนต์ไฟฟ้าทุกกลุ่มที่จะออกมาหลังจากรุ่น EV6 GT

ท้ายที่สุดแล้ว รถยนต์ที่สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ (PBV) คันแรก น่าจะเป็นรถรับส่งที่ใช้ไฟฟ้าขนาดกลาง ที่มีความสามารถในการขับขี่โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2025 โดยอ้างอิงจากแพลตฟอร์มการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าที่ยืดหยุ่น ก่อนหน้าที่จะถึงนั้น Kia จะทำการเปิดตัวรถ Niro เวอร์ชั่นที่เป็น PBV มีชื่อเรียกว่า “Niro Plus” ในปี 2022 ซึ่งออกแบบมาสำหรับให้บริการเป็นรถแท็กซี่และรถรับส่งผ่านแอป ทาง Kia วางแผนที่จะเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มรถ PBV เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านบริการจัดส่งและลอจิสติกส์

ข้อมูลใหม่สำหรับ Kia รุ่น EV9 ที่กำลังเผยโฉมออกมา

Kia รุ่น EV9 ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ SUV ขนาดใหญ่ กำหนดเปิดตัวในปี 2023 หลังจากที่ได้มีการพรีวิวแนวความคิดไปในปี 2021 ภายใต้ชื่อเดียวกันนี้ EV9 จะเป็นรถรุ่นที่มีความสำคัญมากสำหรับ Kia เพราะมีการใช้เทคโนโลยีรุ่นล่าสุด โดยทาง Kia ยืนยันว่า EV9 จะเปิดตัวเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติแบบใหม่ที่เรียกว่า “AutoMode” รวมถึงฟีเจอร์อย่าง Highway Driving Pilot ที่จะช่วยให้ “มีการขับขี่โดยไม่ต้องควบคุมจากคนขับเมื่อวิ่งบนทางไฮเวย์”

นอกจากนี้ EV9 ยังจะเป็นรถรุ่นแรกของ Kia ที่จะได้รับการอัปเดตแบบ over-the-air (OTA) และบริการแบบ feature-on-demand (FoD) ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อฟังก์ชันซอฟต์แวร์ได้เอง คุณลักษณะที่เชื่อมต่อกับรถยนต์ดังกล่าวนี้ จะขยายไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Kia ภายในปี 2025 ในขณะที่เทคโนโลยี “AutoMode” จะพร้อมใช้งานเป็นหลักในรถที่มีในตลาดทุกรุ่นภายในปี 2026

ในแง่คุณลักษณะของรถ EV9 นั้น วัดความยาวตัวถังได้ประมาณ 5 เมตร (196.8 นิ้ว) ซึ่งใกล้เคียงกับแนวคิดที่ออกแบบไว้ให้รถมีความยาว 4,930 มม. (194 นิ้ว) ในขณะที่บริษัทไม่ได้ระบุจำนนหรือประเภทของมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ยืนยันว่ารถจะสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. (0 ถึง 62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ภายใน 5 วินาที แบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่จะสามารถส่งพลังงานให้รถวิ่งได้ในระยะทาง 540 กม. (336 ไมล์) พร้อมความสามารถในการชาร์จแบบเร็วพิเศษภายใน 6 นาที เพื่อเพิ่มระยะทางวิ่งได้อีก 100 กม. (62 ไมล์)

เป้าหมายยอดขายใหม่และอัตรากำไรที่สูงขึ้น

การวางเป้าหมายยอดขายประจำปีที่ 4 ล้านคัน ในปี 2030 นั้นสูงกว่าเป้าหมาย 3.15 ล้านคัน ในปี 2022 ถึง 27 เปอร์เซ็นต์ โดยส่วนแบ่งของรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (BEV, PHEV และ HEV) ในการขายทั่วโลก คาดว่าจะเติบโตจาก 17 เปอร์เซ็นต์ในปี 2022 เป็น 52 เปอร์เซ็นต์ในปี 2030 ในตลาดหลักๆ เช่น เกาหลี อเมริกาเหนือ ยุโรป และจีน ที่มีการออกกฎระเบียบด้านการปล่อยมลพิษที่เข้มงวด และความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะสูงถึง 78% ของยอดขายทั้งหมด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรถ BEV ที่ยอดขายประจำปีคาดว่าจะเติบโตจาก 160,000 คัน ในปี 2022 เป็น 807,000 คัน ในปี 2026 แม้แต่การบรรลุเป้าหมายยอดขาย 1.2 ล้านคัน ในปี 2030 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมถึง 36% ยอดขายรถ BEV ส่วนใหญ่ (80 เปอร์เซ็นต์) จะมาจากเกาหลี อเมริกาเหนือ ยุโรป และจีน โดยที่ 45% ของรถยี่ห้อ Kia รุ่นใหม่ที่ถูกขายออกไปจะเป็นรถที่ใช้ไฟฟ้า

ในส่วนของเป้าหมายทางการเงิน Kia ต้องการบรรลุรายได้รวมที่ 120 ล้านล้านวอน (99.4 พันล้านดอลลาร์) ภายในปี 2026 โดยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงาน 8.3% ซึ่งเทียบเท่ากับอัตรากำไรจากการดำเนินงานร้อยละ 8 ของฮุนไดและเจเนซิสในปี 2025 ซึ่งคาดว่าจะเติบโตเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2030 นอกจากนี้ Kia ยังตั้งเป้าหมายเดียวกันกับกลุ่ม Hyundai Motor ทั้งหมด ในแง่ของการบรรลุความเป็นกลางของคาร์บอนภายในปี 2045

ประเทศเกาหลีจะยังคงเป็นศูนย์กลางหลักของ Kia ในด้านการวิจัย พัฒนา การผลิต และการจัดหารถ EV อย่างไรก็ตาม โรงงานในภูมิภาคอื่นๆ ก็จะมีส่วนสนับสนุนในการผลิตด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Kia จะเริ่มผลิตรถ EVs ขนาดเล็กและขนาดกลางในทวีปยุโรปตั้งแต่ปี 2025 เริ่มผลิตรถ SUV ขนาดกลางและรถกระบะในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2024 และรถ EVs แบบ Entry-Level และรถขนาดกลางในประเทศอินเดียตั้งแต่ปี 2025 และตั้งแต่ปี 2023 จะทำการเปิดตัวรถ EV ขนาดกลางในประเทศจีน

ความต้องการแบตเตอรี่ของ Kia จะเพิ่มขึ้นจาก 13 GWh ในวันนี้ เป็น 119 GWh ในปี 2030 เนื่องจากการผลิตรถ EV ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก บริษัทจะจัดหาแบตเตอรี่จากการร่วมทุนในอินโดนีเซียและพันธมิตรระดับโลกอื่นๆ Kia ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพความจุของแบตเตอรี่ให้ได้อีก 50 เปอร์เซ็นต์ และลดต้นทุนลงให้ได้อีก 40 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2030

ที่มา Carscoops

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ