Lotus รีเทิร์นสังเวียนทำกำไรครั้งแรกในรอบ 20 ปี เผยอนาคตลงตลาด SUV และจ่อทำสปอร์ตพลังไฟฟ้า

  • โดย : Autodeft
  • 15 ส.ค. 59
  • 7,231 อ่าน

เรียกว่าเป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์ที่หลายคนรู้จักกันมายาวนาน เมื่อกล่าวถึง Lotus บริษัทรถยนต์จากอังกฤษที่มาอยู่ในใจใครหลายคน โดยล่าสุดหลังจากห่างหายไปจากตลาด และค่อยๆ ผันตัวทางด้านการดำเนินธุรกิจ ในที่สุด Lotus จะมีกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี

 

รายงานดังกล่าวถูกเปิดเผยออกมาจาก  Automotive News   จากการสัมภาษณ์   CEO   ของ  Lotus   นาย  จีน มาร์ค เกล ซึ่งได้นำเสนอแผนในการพลิกฟื้นบริษัทให้มีกำไรได้ใน  3  ปี โดยเขาเปิดเผยว่า บริษัทมีหลายสิ่งดีขึ้น ตั้งแต่ปี   2013 2014  และ ปีที่แล้วก็ดีมากขึ้นตามลำดับ และอาจจะทำให้ปี   2016 -2017  มีกำไรตามี่วางเป้าเอาไว้

เกล กล่าวเปิดเผยว่า เขาเชื่อว่าในปีนี้ ทางบริษัทจะสามารถขายรถยนต์ทั่วโลกได้ราวๆ   2,200-2,300  คัน โดยเฉพาะการเข้ามาเปิดตลาดอเมริกา จะส่งผลดีต่อธุรกิจ โดยล่าสุด เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทางบริษัทเปิดตัวรถยนต์   Lotus Evora  ในอเมริกา ในจำนวนจำกัด   250  คัน และทั้งหมดถูกจับจองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

[IMAGE2]

ทางด้านรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวมีความเชื่อว่า  น่าจะเป็น   Lotus Evora   ฉบับ  Roadster   ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีหน้า ซึ่งเกลเปิดเผยว่า มันจะยังไม่ชาโครงสร้างตัวถังอลูมิเนียม และแม้จะมีอายุกว่า   20   ปี แต่เป็นธรรมดาของรถสปอร์ตที่จะใช้โครงสร้างเดิมยาวนาน เพราะมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่าง   Porsche  ยังใช้โครงสร้างตัวถังเดิม 911 มานาน ถึง   50 ปี

นอกจากความน่ายินดีในการทำกำไรครั้งแรกในรอบหลายปีแล้ว มีรายงานว่า Lotus   จะหันมาเอาจริงในเรื่อตลาดรถยนตือเนกประสงค์ตามคู่แข่งในตลาดด้วย โดยหลังจากว่าทางบริษัทได้ร่วมลงทุนกับบริษัท   Goldstar Heavy Industry   ในการสร้างโรงงานประกอบในจีน เพื่อผลิตรถยนต์อเนกประสงค์ เมื่อปีกลาย

ล่าสุด นาย เกล กล่าวเปิดเผยว่า ตลาดอเนกประสงค์เป็นตลาดที่น่าสนใจ และเรากำลังเริ่มทำรถยนต์ต้นแบบ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงตลาดกลุ่มนี้หรือไม่

[IMAGE1]

อย่างไรก็ดีเมื่อมีการถามถึงเรื่องของการดำเนินการสร้างรถในยุคต่อไป ว่าจะหันไปใช้เครื่องยนต์ไฮบริดหรือไม่ ทาง   CEO บอกว่าการสร้างรถยนต์ไฮบริดนั้นอาจจะมีดี แต่ก็ต่อต้านกับปรัชญาของแบรนด์ เนื่องจากเราเป็นบริษัทที่ต้องการรถยนต์น้ำหนักเบา ซึ่งรับบไฮบริดเพิ่มน้ำหนัก และมีความซับซ้อนสูงมาก

เขากล่าวปิดท้ายว่า บางทีเราอาจจะวางจำหน่ายรถยนต์สปอร์ตพลังไฟฟ้าเลยก็ได้แทนที่จะต้องกระโดดไปไฮบริดก่อนแล้วค่อยไปยังระบบไฟฟ้า

 

ที่มา  AutomotiveNews

 

มาติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ