MG แนะนำรถไฟฟ้า 100% ใหม่ NEW MG EP รถยนต์ Station Wagon ก่อนเผยราคา 1 ธ.ค. นี้

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 24 พ.ย. 63
  • 30,805 อ่าน

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ - ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ได้เผยข้อมูลรถยนต์รถไฟฟ้ารุ่นล่าสุด NEW MG EP ในร่างของรถสเตชั่นแวกอนที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย มาพร้อมแนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่งาน Motor Expo 2020 ในวันที่ 1 ธันวาคม นี้

MG EP

หลังจากที่ MG ได้ตอกย้ำการเป็นผู้นำของตลาดรถยนต์ทางเลือกด้วยการเปิดตัว NEW MG ZS EV รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในรูปแบบรถยนต์ SUV สู่ตลาดเมืองไทยในเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา และ NEW MG HS PHEV รถยนต์ Plug-in Hybrid ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุดนี้เตรียมเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าใหม่อีกหนึ่งรุ่น NEW MG EP รถยนต์ในรูปแบบ Station Wagon ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% เป็นทางเลือกให้กับลูกค้า 

MG EP

ดีไซน์ภายนอกเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Suspended Wing Grille ตกแต่งด้วยโครเมียมและ Piano Black ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน LED Daytime Running Light พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟท้าย LED แบบ Electric Pulse Design และไฟเบรก ดวงที่ 3 แบบ LED ล้ออัลลอยด์ดีไซน์แบบสปอร์ตขนาด 16 นิ้ว

MG EP

MG EP

การตกแต่งภายในมากับวัสดุผิวสัมผัสนุ่ม (Soft Touch) ดีไซน์เส้นสายแบบ CARBOXNYXE แสดงให้เห็นถึงความประณีตในทุกรายละเอียด เบาะคู่หน้าออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ (Anti-Curved Surface Design) ซึ่งโอบรับกับเส้นสายสรีระได้เป็นอย่างดี นั่งสบายตลอดเส้นทาง อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวก อาทิ หน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอล (Digital Multi-Function Display) ขนาด 7 นิ้ว ที่แสดงผลได้อย่างสวยงามและชัดเจน พร้อมระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล กระจกมองหลังตัดแสง กระจกไฟฟ้าแบบ One Touch Up-Down ด้านคนขับ 

MG EP

MG EP

MG EP

ติดตั้งเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ครบครันตามมาตรฐาน โดยแต่ละระบบจะมีการทำงานผสานกัน ทำให้เกิดความปลอดภัยและมีความมั่นใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย 
•    ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-Lock Braking System) 
•    ระบบกระจายแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBD (Electronic Brake Force Distribution)
•    ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) 
•    ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) 
•    ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) 
•    ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
•    ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) 
•    ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) 
•    ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
•    ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) 

นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) จุดยึดเบาะ ISOFIX เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับถุงลมนิรภัยคู่หน้า กล้องมองหลังพร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง และระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer 

MG EP

MG EP

และสมรรถนะการขับขี่ NEW MG EP ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% โดยใช้แบตเตอรี่ Lithium-Ion มีความจุ 50.3 kWh สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางไกลถึง 380 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (ทดสอบตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน New European Driving Cycle - NEDC) นอกจากนี้ แบตเตอรี่ของ NEW MG EP ยังได้รับการทดสอบตามมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น ระดับ IP67 พร้อมด้วยระบบระบายความร้อนแบบ Liquid Cooling System ที่จะช่วยให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ภายใต้สภาวะต่างๆ 

มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า พร้อมแรงบิด 260 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ไฟฟ้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 8.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมรูปแบบการขับขี่ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Normal โหมด Eco และ โหมด Sport 

MG EP

NEW MG EP สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ 2 แบบ คือ Quick Charge แบบ DC ผ่านหัวชาร์จประเภท CCS Combo 2 โดยชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 - 80% ในระยะเวลาประมาณ 40 นาที และ Normal Charge แบบ AC ชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 - 100% ผ่าน MG Home Charger ที่เป็นหัวชาร์จ TYPE II ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ซึ่งระยะเวลาในการชาร์จนั้น จะขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) ด้วย KERS Mode (Kinetic Energy Recovery System) โดยเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ

NEW MG EP ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ด้วยระบบกันสะเทือนของช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension เสริมด้วยระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีมทำให้มั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อขับขี่บนทุกสภาพถนน

MG EP

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอ็มจี มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำยานยนต์แห่งอนาคต หรือ New Generation of Automotive วันนี้ เอ็มจี จึงมีแผนจะแนะนำ NEW MG EP รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ มาพร้อมแนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” โดยเราวางตำแหน่งให้ NEW MG EP เป็น “เกณฑ์มาตรฐาน” สู่บรรทัดฐานใหม่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ที่ผสาน 4 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ 

(1) มิติตัวถังและพื้นที่การใช้งาน (Dimension) ด้วยจุดเด่นของการเป็นรถ Station Wagon ที่มีมิติตัวถังขนาดใหญ่ทำให้มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย และพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ โดยเมื่อพับเบาะหลังจะสามารถเพิ่มที่พื้นที่ความจุได้มากยิ่งขึ้น โดยมีพื้นที่ความจุสัมภาระสูงสุดถึง 1,456 ลิตร รองรับการบรรทุกทั้งคนและสิ่งของได้เป็นอย่างดี   

(2) ความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัย (Convenience & Safety) ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay พร้อมมั่นใจด้วยระบบความปลอดภัย โดยมีการทำงานผสานกันทั้งระบบ Active และ Passive Safety 

MG EP

(3) สมรรถนะที่เปี่ยมประสิทธิภาพ (Performance) จากแบตเตอรี่ที่มีความจุขนาด 50.3 kWh ทำให้วิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ทดสอบตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน New European Driving Cycle - NEDC) และมีมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่ 163 แรงม้า มีกำลังเพียงพอต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

(4) ต้นทุนในการเป็นเจ้าของที่ต่ำ (Low cost of ownership) ทั้งค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าบำรุงรักษาที่ต่ำ สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว  

สำหรับรถใหม่ NEW MG EP มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีเงิน (Metallic Grey) และสีดำ (Black Knight) โดยจะเปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่งาน Motor Expo 2020 ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563 นี้ พร้อมเปิดรับจองภายในงาน และโชว์รูมเอ็มจีทุกสาขาทั่วประเทศ 
 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ