Kia Niro โฉมใหม่ ปี 2022 จะมาพร้อมพื้นที่เพิ่มมากขึ้น และเทคโนโลยีสุดพิเศษ

  • โดย : PR Autodeft
  • 5 เม.ย. 65
  • 4,296 อ่าน

เปิดตัว Kia รุ่น Niro โฉมใหม่ และอีกครั้งที่มาพร้อมทางเลือกถึง 3 ระบบ คือ Full EV, Plug-in hybrid และ Standard hybrid

Niro นั้นถือเป็นโมเดลที่จุดชนวนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ Kia ให้มุ่งสู่ความเป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำสำหรับตลาดผู้ใช้งานในระบบไฟฟ้า และในตอนนี้ก็เป็นเวลา 5 ปีแล้ว หลังจากแบรนด์ได้เปิดตัวขึ้น และมียอดขายรถตัวอย่างมากกว่า 300,000 คัน บัดนี้จึงถึงเวลาสำหรับรถรุ่นใหม่ที่จะถูกวางจำหน่ายในเดือนนี้ และจะเริ่มส่งถึงมือลูกค้าภายในเดือนสิงหาคมนี้

 

โดยรุ่นก่อนๆของ Niro นั้น ได้ใช้หนึ่งในแพลตฟอร์มรุ่นเก่าของ Hyundai-Kia โดยแชร์กันกับรุ่น Ioniq แต่ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะ Niro รุ่นใหม่นั้น จะถูกวางจำหน่ายอีกครั้งในระบบ Hybrid, Plug-in hybrid และเวอร์ชั่นที่ใช้ไฟฟ้าล้วนๆ และนี่จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกของ KIA ที่ใช้แพลตฟอร์ม mid-sized K รุ่นล่าสุดของบริษัทฯ

 

รถรุ่น Niro EV รุ่นใหม่ (ถูกเปลี่ยนชื่อจาก e-Niro สำหรับรถในรุ่นนี้) จะมีรูปลักษณ์ด้านหน้าที่ดูสะอาดตาขึ้น โดยจะมีช่องเสียบสำหรับที่ชาร์จอยู่ตรงกลาง และในรถแบบ EV จะมีช่องเก็บของบริเวณกระโปรงหน้าขนาดความจุประมาณ 20 ลิตร ซึ่งน่าจสะดวกในการเก็บสำหรับเก็บสายเคเบิลที่เปียกให้ห่างจากกระโปรงหลังรถ

 

การแปลงโฉมครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นบริเวณด้านข้างของตัวรถ โดย Kia จะทำให้ Niro มีรูปลักษณ์ที่น่าทึ่งมากยิ่งขึ้น สำหรับรถในระบบ EV นั้น จะได้รับการตกแต่งเพิ่มเติมด้วยสี steel-grey ยาวไปตลอดด้านข้าง แต่คุณสมบัติที่โดดเด่นที่เห็นได้ในช่วงนี้คือ แผ่น “Blade” ที่แต่งแต้มด้วยสี ซึ่งจะคลุมตัว C-pillar ไว้ ในทริคที่แยลยลนี้ มันคือความภูมิใจกับตัวถังหลัก ที่ช่วยให้อากาศไหลเวียนไปด้านยังข้างของตัวรถ และช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ เราคาดหวังไว้ว่า Kia จะสนุกกับมัน ด้วยการเล่นด้วยสีสันและการตกแต่ง ซึ่งจะเป็นการมอบโอกาสเพิ่มเติมให้ลูกค้าในการปรับเปลี่ยนรถในรูปแบบของตัวเอง

รถทั้ง 3 ระบบ จะได้รับการปรับปรุงระบบส่งกำลังโดยระบบ Hybrid และ Plug-in hybrid ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน GDi 1.6 ลิตรของ Kia ควบคู่ไปกับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 6 สปีด รถระบบ Hybird จะมีแบตเตอรี่ 1.32 kWh และกำลังรวม 139 แรงม้า ในขณะที่ PHEV ที่หนักกว่า จะได้รับขนาดแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นจาก 8.9 kWh ในรุ่นก่อน เป็นถึง 11.1 kWh และกำลังรวม 180 แรงม้า ส่วนรถระบบ EV จะมีพลังที่ 201bhp และแบตเตอรี่ขนาด 64.8kWh

 

Kia ยังคงปรับแต่งประสิทธิภาพของรถอย่างละเอียด แต่คาดว่ารถระบบ PHEV จะสามารถทำงานได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้สูงถึง 40 ไมล์ และระบบ EV จะมีความสามารถวิ่งได้สูงสุด 288 ไมล์ ในระหว่างการชาร์จแต่ละครั้ง ส่วนรถระบบ Hybird นั้น จะสามารถเร่งความเร็วจาก 0 – 62 ไมล์/ชั่วโมง ในเวลาประมาณ 10 วินาที และอย่างที่คุณคาดหวังไว้ ระบบเร่งสายฟ้าแล่บของ e-Niro นั้น จะทำเวลาได้รวดเร็วกว่าเพียงไม่ถึง 8 วินาที

 

รถ Niro รุ่นนี้ จะมีความยาวกว่ารถรุ่นเก่าที่มันมาแทนที่ราวๆ 6.5 ซม. และระยะฐานล้อจะขยายออกไป 2 – 3 เซนติเมตร ดังนั้o ตอนนี้มันจึงมีพื้นที่ภายในเพียงพอสำหรับคนที่สูง 6 ฟุตขึ้นไป ได้ถึง 4 คน

 

ในส่วนด้านหน้านั้น จะมีแผงหน้าปัดซึ่งประกอบไปด้วยจอแสดงผลคู่ขนาด 10.25 นิ้ว และไฟส่องสว่างโดยรอบ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มเอฟเฟกต์ให้ตรงกับบริเวณด้านหน้าของผู้โดยสาร ซึ่งอินเทอร์เฟซส่วนใหญ่จะดูเป็นที่คุ้นเคยสำหรับคนที่ใช้งาน Sorento หรือ Sportage อยู่ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าหน้าจอของ Niro จะเล็กกว่าเล็กน้อย นอกจากนี้ Niro ยังมีแผงมัลติฟังก์ชั่นแบบเดียวกันที่แผงหน้าปัด ช่วยให้คุณเลื่อนไปมาระหว่างระบบ infotainment และระบบควบคุมความร้อนได้เป็นอย่างดี

 

ยิ่งกว่านั้น รถรุ่น Niro EV ยังสามารถให้การชาร์จแบบ vehicle-to-load charging ซึ่งจะช่วยให้คุณเสียบชาร์จทุกอย่าง ตั้งแต่แล็ปท็อปไปจนถึงตู้เย็นแบบพกพาได้หากคุณต้องการ และมันยังมีแนวโน้มว่าจะถูกเซ็ตให้เป็นมาตรฐานในรถระดับสูงขึ้นไปและเป็นยังทางเลือกของที่อื่นอีกเช่นกัน

 

ส่วนของกระโปรงหลังนั้นจะมีรูปทรงที่เหมาะสม และมีพื้นสูงแบบปรับได้ ส่วนความจุโดยรวมจะแตกต่างกันมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับระบบส่งกำลังที่คุณเลือก ส่วนรุ่นที่มีพื้นที่กว้างขวางที่สุด คือในระบบ BEV ซึ่งจุได้ 475 ลิตร ไม่รวมฝากระโปรงท้าย ในรุ่นระบบ Hybrid มีความจุ 451 ลิตร ในขณะที่ในรุ่นระบบ PHEV จะลดลงมากกว่า 100 ลิตร อยู่ที่ 348 ลิตร

 

ดูเหมือนว่ารถรุ่น Niro นี้ ถูกกำหนดมาให้นำเสนอเทคนิคของระบบ EV มากกว่ารุ่นที่มันมาแทนที่ โดย Kia สัญญาว่าจะบูรณาการระบบให้เข้ากับแอพโทรศัพท์ให้มากขึ้น เพื่อให้การควบคุมฟังก์ชั่นหลักมาจากระยะไกล และระบบนำทางจะจดจำได้เมื่อคุณกำหนดปลายทางไปยังสถานีชาร์จ และปรับสภาพแบตเตอรี่ให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุด เพื่อเพิ่มความเร็วในการชาร์จให้อยู่ในจุดสูงสุด

 

รถในรุ่น Hybrid นั้น เป็นที่รู้กันว่ามันอยู่โซนของการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ และมีความพยายามเพิ่มการใช้ไฟฟ้าภายในระบบของมัน และในรถระบบ PHEV นั้น คุณสามารถกำหนดและบันทึกพื้นที่ที่ใช้เฉพาะไฟฟ้าของคุณเองได้ ดังนั้น คุณจึงมั่นใจได้ว่าคุณจะไปส่งลูกๆที่โรงเรียนด้วยสภาพเสียงที่เงียบ เป็นต้น

 

Kia ยังคงอยู่ในช่วงสุดท้ายของการกำหนดสเปกและราคาของ Niro ในสหราชอาณาจักรให้เสร็จสิ้น แต่เราก็รู้ว่า มันจะออกจำหน่ายต่อไปด้วยแบบที่มี 3 ระบบส่งกำลังให้เลือก ยังไม่มีการเผยใดๆเกี่ยวกับราคา แต่เมื่อพิจารณาจากขนาดที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และสเปกที่ถูกปรับปรุงแล้ว คาดว่าราคาจะมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นที่วางจำหน่ายมากก่อน ซึ่งอาจเป็นตัวเลขเริ่มต้นสำหรับรถระบบ Hybrid ที่ราคาประมาณ 26,000 ปอนด์

ที่มา autoexpress

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ