ยอดขาย EV มือหนึ่งลดลง แต่ตลาดมือสองกลับมาแรงอีกครั้ง
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 25 มิ.ย. 68 21:10
- 1,014 อ่าน
แม้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ใหม่ในสหรัฐฯ จะกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่หากมองเทียบปีต่อปี กลับลดลงถึง 10.7% ซึ่งส่งผลให้หลายค่ายเริ่มปรับราคาลงและเพิ่มแรงจูงใจในการซื้ออย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจาก Cox Automotive ระบุว่า ราคาขายเฉลี่ยของรถ EV ใหม่ในเดือนพฤษภาคมลดลง 2.3% มาอยู่ที่ราว 57,734 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันยอดเงินสนับสนุนจากดีลเลอร์และแบรนด์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นถึง 19.4% หรือเฉลี่ยราว 8,226 ดอลลาร์ คิดเป็น 14.2% ของราคาซื้อขายเฉลี่ย (ATP) ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2019
รถรุ่นเด่นที่มีดีลน่าสนใจจนราคาสุทธิหลังหักส่วนลดลงมาแตะระดับต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์ เช่น Ford Mustang Mach-E, Kia EV6, Nissan Ariya และ Acura ZDX
ในทางตรงกันข้าม ตลาด EV มือสองกลับเติบโตอย่างชัดเจน โดยราคาขายเฉลี่ยขยับขึ้น 0.9% จากเดือนเมษายน และเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 36,053 ดอลลาร์ และยอดขายเติบโตถึง 32.1% จากปีที่แล้ว โดยเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขาย (49.6%) เป็นรถ Tesla
Tesla Model 3 ครองแชมป์รถ EV มือสองขายดีในเดือนพฤษภาคม ด้วยราคาขายเฉลี่ย 23,160 ดอลลาร์ ลดลง 1.6% จากเดือนก่อนหน้า
ที่น่าสนใจคือ EV มือสองเริ่มมีจำนวนน้อยลง โดยมี "days of supply" (จำนวนวันที่สต๊อกจะหมด หากไม่มีรถเข้ามาเพิ่ม) เหลือเพียง 40 วัน ลดลง 11% จากปีที่แล้ว ต่ำที่สุดตั้งแต่กลางปี 2022
ในขณะที่ EV มือหนึ่งมีรถค้างสต๊อกเฉลี่ย 111 วันในเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 8% แต่ยังคงลดลง 11.6% จากพฤษภาคมปีที่แล้ว
Cox Automotive ระบุว่า “การขยายตัวของการใช้ EV ต้องมาพร้อมกับการเพิ่มทางเลือกที่ราคาจับต้องได้ สำหรับผู้บริโภคหลายคน ‘ราคา’ ยังคงเป็นอุปสรรคหลักในการตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า”
ตลาด EV ขณะนี้จึงอยู่ในภาวะสมดุลที่น่าสนใจ ฝั่งใหม่ราคาลดโปรแรง ฝั่งมือสองราคาขยับขึ้นแต่ยอดขายยังพุ่ง สำหรับผู้ซื้อ นี่อาจเป็นจังหวะทองในการคว้าดีลดี ๆ ก่อนสิทธิประโยชน์ด้านภาษีมูลค่า 7,500 ดอลลาร์ (สำหรับ EV ใหม่) และ 4,000 ดอลลาร์ (สำหรับมือสอง) จะหมดอายุลงในไม่ช้านี้
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com