ปอร์เช่พัฒนาโฟมพวงมาลัยจากขยะรีไซเคิล เปลี่ยนขยะยานยนต์ให้กลายเป็นนวัตกรรมรักษ์โลก

แม้รถสปอร์ตจากเยอรมนีอย่าง Porsche จะเป็นสัญลักษณ์ของสมรรถนะและความประณีตระดับพรีเมียม แต่ล่าสุดแบรนด์รถหรูรายนี้กำลังเดินหน้าเข้าสู่เส้นทางใหม่ ด้วยการเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้จากการผลิตรถยนต์ ให้กลายเป็นวัสดุโฟมสำหรับพวงมาลัย ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดของเสียจากอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ยังเปิดประตูสู่การใช้วัสดุรีไซเคิลในรถยนต์ระดับไฮเอนด์อย่างจริงจัง

ที่ผ่านมา Porsche เคยระบุว่า รถยนต์ 911 กว่า 70% ที่ผลิตมาตั้งแต่ยุค 1960s ยังคงวิ่งอยู่บนถนนในปัจจุบัน แต่เมื่อวันหนึ่งรถเหล่านี้ถึงจุดสิ้นสุดของอายุการใช้งาน ปอร์เช่ก็ต้องการให้พวกมันยังคงมี "บทบาท" ในการขับเคลื่อนโลกของยนตรกรรมต่อไป

ในอุตสาหกรรมรถยนต์ การรีไซเคลโลหะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สิ่งที่ท้าทายกว่าคือวัสดุประเภทพลาสติก โฟม และสี ซึ่งมักจะจบลงด้วยการเผาทำลายเพื่อสร้างพลังงาน วิธีที่อาจดูมีประโยชน์ แต่ไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืนในแง่สิ่งแวดล้อม

ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนในการเพิ่มสัดส่วนวัสดุรีไซเคิลในรถยนต์ ปอร์เช่จึงร่วมมือกับ BASF และ BEST – Bioenergy and Sustainable Technologies เพื่อคิดค้นแนวทางใหม่ในการจัดการวัสดุเหลือทิ้งจากการบดทำลายชิ้นส่วนรถยนต์ หรือที่เรียกว่า “Automotive Shredder Residue (ASR)”

เทคโนโลยีใหม่ที่ใช้นี้คือ “การรีไซเคิลทางเคมี” โดยใช้วัตถุดิบชีวภาพ เช่น เศษไม้ ผ่านกระบวนการ gasification ที่อุณหภูมิสูง เพื่อเปลี่ยนของเสียพลาสติกให้กลายเป็นก๊าซสังเคราะห์ (syngas) จากนั้น BASF จะนำก๊าซนี้มาผลิตเป็นพลาสติกชนิดใหม่

ในโครงการทดลองครั้งแรก ปอร์เช่ได้นำวัสดุโพลียูรีเทนของ BASF ไปผลิตเป็นโฟมสำหรับพวงมาลัยสปอร์ตแบบสามก้าน แม้ว่าวัสดุดังกล่าวยังไม่สามารถผลิตได้จากวัสดุรีไซเคิล 100% และยังมีส่วนประกอบจากพลาสติกฟอสซิลแบบดั้งเดิมอยู่บ้าง แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการมุ่งสู่การผลิตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

แม้ปอร์เช่ยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเมื่อใดเทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้ในรถยนต์รุ่นขายจริง แต่ในอนาคต หากคุณได้ขับรถ 911 รุ่นใหม่ ก็มีโอกาสที่พวงมาลัยที่คุณสัมผัสอยู่นั้น อาจมีชิ้นส่วนบางส่วนที่เคยเป็นรถ GT3 RS มาก่อนก็เป็นได้