Nissan เตรียมปิดโรงงานสำคัญในเม็กซิโก อาจเปิดทางให้ค่ายรถจีนเข้าเสียบแทน

Nissan กำลังเผชิญวิกฤตทางการเงินและผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ล่าสุดมีรายงานว่า บริษัทเตรียมปิดโรงงาน “Civac” ในเมือง Jiutepec ประเทศเม็กซิโก ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งแรกของ Nissan นอกญี่ปุ่นที่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่เกือบ 60 ปีก่อน

ปัจจุบัน โรงงาน Civac ผลิตรถกระบะ Navara และ Frontier สำหรับตลาดละตินอเมริกา แต่ Nissan มีแผนจะย้ายสายการผลิตไปที่โรงงานในเมือง Aguascalientes ซึ่งอยู่ในเม็กซิโกเช่นกัน โดยตั้งเป้าจะปิดโรงงาน Civac ภายในเดือนมีนาคม 2027 ขณะที่ในปีนี้มีกำลังการผลิตเพียง 57,000 คัน ลดลงถึง 80% เมื่อเทียบกับช่วงสูงสุดเมื่อราวสิบปีก่อน

การโยกย้ายนี้เกิดขึ้นหลังจาก Nissan ยกเลิกการผลิตรถยนต์รุ่น Versa และมีแนวโน้มจะยุติความร่วมมือกับ Mercedes-Benz ซึ่งเคยใช้สายการผลิตเดียวกัน รวมถึงเตรียมเลิกผลิต Infiniti QX50, QX55 และ Mercedes GLB ในอนาคตอันใกล้นี้

หนึ่งในปัจจัยหลักคือการต้องลดต้นทุนจากยอดขายที่ลดลงต่อเนื่อง และผลกระทบจากภาษีนำเข้ารถยนต์จากเม็กซิโกไปสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงถึง 30% ทำให้การผลิตในเม็กซิโกไม่คุ้มค่าอีกต่อไป ไม่เพียงแค่โรงงาน Civac เท่านั้น Nissan ยังมีแผนจะปิดโรงงานอีก 6 แห่งทั่วโลกภายในปี 2027 รวมถึงโรงงาน Oppama ในญี่ปุ่นที่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 1961 ขณะที่โรงงานในสหรัฐฯ จะยังเปิดต่อไป

แม้การปิดโรงงานจะช่วยลดต้นทุน แต่ก็ก่อให้เกิดความกังวลในด้านภาพลักษณ์ โดยเฉพาะเมื่อยอดขายกว่า 20% ของ Nissan ในอเมริกาเหนือมาจากเม็กซิโก การเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากย่อมกระทบต่อความสัมพันธ์ในพื้นที่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่าโรงงาน Civac อาจไม่ได้ถูกทิ้งร้างนานนัก เพราะอาจกลายเป็นโอกาสของบริษัทรถยนต์จากจีนที่กำลังมองหาช่องทางบุกตลาดอเมริกาเหนือ ด้วยการเข้าซื้อโรงงานที่มีทั้งแรงงานฝีมือและโครงสร้างพื้นฐานพร้อมใช้งานทันที
ในขณะเดียวกัน Nissan ยังเดินหน้าหาพันธมิตรรายใหม่หลังจากการเจรจารวมกิจการกับ Honda ล้มเหลว โดยรายงานระบุว่า Honda มองว่าเป็นการฮุบกิจการมากกว่าความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองบริษัทอาจกลับมาร่วมพัฒนาเทคโนโลยีซอฟต์แวร์สำหรับรถยนต์ร่วมกันอีกครั้ง โดยมีแผนจะเปิดตัวในปลายทศวรรษนี้

ที่มา Carscoops