ชมภาพ Piech Mark Zero รถสปอร์ตไฟฟ้า ก่อนแสดงตัวจริงที่งาน Geneva Motor Show 2019

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 5 มี.ค. 62
  • 4,265 อ่าน

Piech Automotive ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าลูกครึ่งสวิตเซอร์แลนด์-เยอรมนี ได้ทำการเผยภาพตัวจริงรถสปอร์ตไฟฟ้าของค่ายอย่าง Piech Mark Zero ก่อนแสดงตัวจริงที่งาน Geneva Motor Show 2019 ในวันนี้

Piech Mark Zero

Piech Mark Zero เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดย Piech Automotive บริษัทผลิตยานยนต์สัญชาติเยอรมัน-สวิส โดยมีฐานการผลิตอยู่ในเมืองซูริคและมิวนิก เมื่อสามปีครึ่งก่อนหน้านี้ คุณ Toni Piech ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัท และคุณ Rea Stark Rajcic ซีอีโอร่วมและครีเอทีฟไดเรกเตอร์ ได้เกิดความคิดที่จะพัฒนาสถาปัตยกรรมยานยนต์รูปแบบใหม่ที่ยืดหยุ่น และยานยนต์รุ่นแรกที่ถือกำเนิดขึ้นก็คือ Piech Mark Zero ที่นำความสวยงามของรถสปอร์ตมาสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า รถสปอร์ตไฟฟ้ารุ่นนี้จะจัดแสดงเป็นครั้งแรกในมหกรรม Geneva Auto Show 2019

Piech Mark Zero

โดย Piech Mark Zero มีระยะการวิ่ง 500 กิโลเมตร (311 ไมล์) จากมาตรฐานทดสอบ WLTP ขณะที่เซลล์แบตเตอรี่แบบใหม่ยังแทบไม่เกิดความร้อนในระหว่างการชาร์จและการใช้งาน ทำให้กระแสไฟไหลผ่านอย่างสะดวก มาพร้อมโหมดการชาร์จแบบ CSC และโหมด Fast Charge ที่ใช้เวลาเพียง 4.40 นาทีก็ชาร์จไฟได้ถึง 80% นอกจากนั้นยังมีอัตราการคืนสู่สภาวะปกติสูง การเกิดความร้อนน้อยลงทำให้แบตเตอรี่เย็นตัวลงได้ด้วยอากาศเพียงอย่างเดียว ทั้งหมดนี้ทำให้น้ำหนักลดลงราว 200 กิโลกรัม ส่งผลให้รถมีน้ำหนักรวมไม่ถึง 1,800 กิโลกรัม ในส่วนของเพลาหน้ามีมอเตอร์อะซิงโครนัสหนึ่งตัวที่ส่งกำลังไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์ ขณะที่เพลาหลังมีมอเตอร์ซิงโครนัสสองตัวที่ส่งกำลังไฟฟ้าตัวละ 150 กิโลวัตต์ รับประกันการขับขี่ที่ให้ความรู้สึกแบบรถสปอร์ตของแท้

Piech Mark Zero

ขนาดของ Piech Mark Zero นั้น มีความยาว/ความกว้าง/ความสูง = 4,432/1,991/1,250 มิลลิเมตร (ไม่นับกระจกข้าง) ฐานล้อกว้าง 2,620 มิลลิเมตร น้ำหนักรวมน้อยกว่า 1,800 กิโลกรัม ระบบส่งกำลังเพลาหน้า จากมอเตอร์อะซิงโครนัสหนึ่งตัว ส่งกำลังไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์ , เพลาหลังมีมอเตอร์ซิงโครนัสอีกสองตัว ส่งกำลังไฟฟ้าตัวละ 150 กิโลวัตต์ สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.2 วินาทีทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง

Piech Mark Zero

คุณ Stark Rajcic ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือการสนับสนุนประสบการณ์การขับขี่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือและไม่ทำให้ผู้ขับเสียสมาธิ และต้องให้ความรู้สึกแบบรถสปอร์ต นั่นคือการขับขี่จริงๆ ไม่ใช่แค่การนั่งเฉยๆ แน่นอนว่ายานยนต์ในปัจจุบันกำลังก้าวสู่การขับขี่แบบอัตโนมัติ แต่เราจะเก็บไว้สำหรับรุ่นต่อ ๆ ไป”

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ