Slate อาจกำลังตั้งราคาสูงเกินไป จนอาจพลาดโอกาสในตลาดรถกระบะไฟฟ้า

จากเดิมที่วางตัวเป็นรถกระบะไฟฟ้าราคาประหยัดที่สุดในตลาดอเมริกา แต่ล่าสุด Slate Truck อาจกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ หลังจากต้องปรับราคาขึ้นเพราะขาดแรงสนับสนุนจากเครดิตภาษี EV ของรัฐบาลกลาง ซึ่งอาจทำให้รถรุ่นนี้ไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Ford Maverick ได้อย่างที่หวังไว้

ราคาถูกหาย กลายเป็นค่าเช่าแพง

จุดขายหลักของ Slate เคยอยู่ที่ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 730,000 บาท) แต่ตอนนี้เว็บไซต์ Cars Direct รายงานว่าราคาอาจพุ่งขึ้นไปถึง 27,500 ดอลลาร์ (ราว 1 ล้านบาท) และหากนำไปเช่าใช้งานแบบสัญญาเช่า 36 เดือน โดยไม่มีเงินดาวน์ ค่าเช่าต่อเดือนอาจอยู่ที่ประมาณ 468 ดอลลาร์ ซึ่งรวมค่าธรรมเนียมแรกเข้า 700 ดอลลาร์ และค่าเช่าล่วงหน้าเดือนแรกแล้ว จะกลายเป็นราว 500 ดอลลาร์ต่อเดือนก่อนภาษี เลยทีเดียว

เทียบกันแล้ว หากเครดิตภาษียังมีอยู่ ราคาค่าเช่าจะลดลงเหลือประมาณ 341 ดอลลาร์ต่อเดือน เท่ากับว่าราคาปัจจุบันแพงขึ้นถึง 127 ดอลลาร์ต่อเดือน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ยังเป็นการคาดการณ์จาก Cars Direct โดยอิงจากปัจจัยทางการเงินเบื้องต้น เช่น ดอกเบี้ย 7% และมูลค่าคงเหลือ 55% ซึ่งอาจแตกต่างจากตัวเลขจริงเมื่อ Slate เปิดราคาอย่างเป็นทางการ

คู่แข่งอย่าง Ford Maverick ยังถือไพ่เหนือกว่า

หากเทียบกับ Ford Maverick รุ่นปี 2025 ซึ่งเป็นรถกระบะขนาดเล็กที่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน EcoBoost พร้อมระบบขับเคลื่อน AWD ขณะนี้สามารถเช่าได้ในราคาประมาณ 289 ดอลลาร์ต่อเดือน (ผ่อน 36 เดือน พร้อมจ่ายล่วงหน้า 3,709 ดอลลาร์)

ส่วนรุ่นไฮบริดของ Maverick มีค่าเช่าที่แพงกว่าขึ้นอยู่กับพื้นที่ โดยเริ่มต้นราว 430 ดอลลาร์ต่อเดือน แต่เมื่อนับรวมเงินจ่ายล่วงหน้ามากกว่า 3,000 ดอลลาร์ ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนแตะ 500 ดอลลาร์พอดี ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเช่าที่คาดการณ์ของ Slate Truck แต่ Ford Maverick มาพร้อมสมรรถนะและแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อมั่นมายาวนาน

อนาคตของ Slate ขึ้นอยู่กับมูลค่าที่แท้จริง

แม้ Slate Truck จะชูจุดขายเรื่องความเรียบง่ายและราคาเข้าถึงได้ แต่หากราคาพุ่งเกินความคุ้มค่าไปมาก ก็อาจทำให้ผู้บริโภคหันไปเลือกทางเลือกที่ “ได้มากกว่าในราคาใกล้เคียง” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแบรนด์ที่มีความมั่นใจเรื่องคุณภาพและบริการหลังการขาย

หาก Slate ต้องการเจาะตลาดรถกระบะไฟฟ้าระดับเริ่มต้นให้สำเร็จ อาจต้องกลับมาทบทวนกลยุทธ์ด้านราคา และเพิ่มจุดแข็งที่ชัดเจนกว่าเดิม เพื่อเอาชนะใจลูกค้าที่มองหา “รถกระบะไฟฟ้าเพื่อชีวิตประจำวัน” อย่างแท้จริง

ที่มา Carscoops