เมื่อไม่มีแรงจูงใจ ความรักในรถยนต์ไฟฟ้าของอเมริกันก็เริ่มสั่นคลอน

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 15 ต.ค. 68 21:35
  • 1,021 อ่าน

การยกเลิกสิทธิ์ลดหย่อนภาษีอาจทำให้ความต้องการซื้อ EV ในสหรัฐฯ หายไปเกินครึ่ง

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาสิทธิ์ลดหย่อนภาษี สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนความนิยมของ EV ให้เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อแรงจูงใจเหล่านี้ถูกลดทอนหรือหายไป ความสนใจจากผู้บริโภคก็เริ่มลดลงตามไปด้วย

จากผลสำรวจล่าสุดโดย The Harris Poll ซึ่งจัดทำระหว่างวันที่ 23–25 กันยายนที่ผ่านมา พบว่าความเต็มใจของชาวอเมริกันในการกลับไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า ขึ้นอยู่กับ “แรงจูงใจ” ที่พวกเขาจะได้รับอีกครั้ง

ผู้บริโภคจำนวนมาก "จะกลับมาใช้ EV ถ้าได้สิทธิ์ลดหย่อนอีก"

ผลสำรวจครอบคลุมผู้ใหญ่ 2,095 คนทั่วสหรัฐฯ โดยในจำนวนนั้น 1,675 คน (ประมาณ 80%) มีแผนจะซื้อหรือเช่ารถยนต์ใหม่หรือมือสองในอนาคต และในกลุ่มนี้มีเพียง 485 คน (หรือ 29%) ที่บอกว่าพวกเขามีแนวโน้มเลือก EV

ที่น่าสนใจคือ ในกลุ่มผู้ที่เคยใช้รถ EV มาก่อนแต่เลิกใช้ไปแล้ว กว่า 60% ระบุว่าพวกเขาจะกลับมาพิจารณาใช้รถยนต์ไฟฟ้าอีก หากได้รับแรงจูงใจอย่างน้อย 5,000 ดอลลาร์

อีก 30% ต้องการแรงจูงใจในช่วง 2,500–4,999 ดอลลาร์ ขณะที่เพียง 11% ยินดีพิจารณากลับมาใช้ EV แม้ได้แรงจูงใจต่ำกว่า 2,500 ดอลลาร์

ราคายังคืออุปสรรคใหญ่ที่สุด

Greg Paratore ที่ปรึกษาอาวุโสของ The Harris Poll กล่าวว่า ความกังวลเรื่อง "ราคาที่จับต้องได้" ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่สุด โดยมีถึง 64% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ระบุว่านี่คือปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือก EV

การยกเลิกเครดิตภาษีสำหรับรถใหม่และรถมือสองอาจส่งผลรุนแรงต่อยอดขายในอนาคต แต่ Paratore ชี้ว่า นี่อาจเป็นโอกาสให้ผู้ผลิตรถยนต์เข้ามา “แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย” แทนรัฐบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว

Hyundai ขยับเร็ว Ford เตือนหนัก

หนึ่งในตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงคือ Hyundai ซึ่งได้ประกาศปรับลดราคาของ Ioniq 5 รุ่นปี 2026 ลงถึง 9,800 ดอลลาร์ หลังการยกเลิกสิทธิ์ลดหย่อน พร้อมเสนอเงินสนับสนุน 7,500 ดอลลาร์ สำหรับรุ่นปี 2025 ที่ยังเหลือในสต๊อก

ในขณะเดียวกัน Jim Farley CEO ของ Ford ก็ออกมาเตือนว่าความต้องการ EV ในสหรัฐฯ อาจลดลงมากถึงครึ่งหนึ่ง หากไม่มีเครดิตภาษีสนับสนุนอีกต่อไป ซึ่งจะทำให้ ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าลดลงเหลือเพียง 5% เทียบเท่ากับระดับเมื่อปี 2022

ที่มา Carscoops

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ