Volvo ยอดขายในสหรัฐฯ โตขึ้น แต่ยังคงเดินหน้าลดพนักงาน
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 15 ก.ค. 68 22:23
- 1,015 อ่าน
แม้ยอดขายรถยนต์ Volvo ในสหรัฐฯ จะเติบโตขึ้น 6% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยมียอดขายสะสมถึง 64,680 คัน แต่บริษัทกลับตัดสินใจลดพนักงานประมาณ 15% ของฝ่ายการค้าท้องถิ่น เพื่อควบคุมต้นทุนและเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต
ดูเผิน ๆ แล้ว การลดคนในช่วงเวลาที่มีรถรุ่นใหม่เข้าตลาด เช่น EX90 และ ES90 อาจดูขัดแย้ง แต่มีรายงานว่าพนักงานส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบถูกจ้างเข้ามาช่วงโควิด-19 และบางส่วนถูกลดผ่านวิธีธรรมชาติ (attrition) โดยไม่แทนที่ตำแหน่งเดิม
มีการระบุว่า มีตำแหน่งงานราว 60 ตำแหน่งที่ถูกตัดออกจากสำนักงานใหญ่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ โดย Volvo ให้เหตุผลว่า บริษัทกำลังดำเนินมาตรการเพื่อให้โครงสร้างองค์กร “กระชับและมีประสิทธิภาพมากขึ้น” ด้วยต้นทุนพื้นฐานที่ลดลง ซึ่งจะช่วยให้ Volvo ในภูมิภาคอเมริกา และทั้งองค์กร สามารถสร้างอนาคตที่มั่นคงและทำกำไรได้
ไม่เพียงแต่ในสหรัฐฯ เท่านั้น Auto News รายงานว่า Volvo กำลังวางแผนลดจำนวนพนักงานทั่วโลกราว 3,000 คน หรือประมาณ 15% ของกำลังแรงงาน โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในสวีเดน และหนึ่งในแรงกดดันสำคัญคือภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่ถูกกำหนดขึ้นในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีผลกระทบต่อรถนำเข้าที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ของยอดขาย Volvo ในสหรัฐฯ บริษัทจึงพยายามหาทางลดต้นทุนเพื่อชดเชยภาระภาษีที่คาดว่าจะสูงถึง 1.87 พันล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน Volvo ได้ประกาศปลดพนักงานในสหรัฐฯ ไปแล้วราว 800 คน ซึ่งกระทบต่อโรงงานใน Dublin รัฐเวอร์จิเนีย, Hagerstown รัฐแมริแลนด์ และโรงงาน Mack Trucks ที่เมือง Macungie รัฐเพนซิลเวเนีย
ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทกำลังพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานในเมือง Ridgeville รัฐเซาท์แคโรไลนา ซึ่งปีก่อนผลิตรถเพียง 20,000 คัน หรือแค่ 13% ของกำลังการผลิตสูงสุด โดยมีแผนจะย้ายการผลิตรุ่น XC60 ไปยังโรงงานนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและใช้กำลังการผลิตให้คุ้มค่ามากขึ้น
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com