ย้อนอดีตตั้งแต่นับ 1 ของ Honda Civic รถยนต์ขนาด Compact ยอดนิยมของคนทั่วโลก ที่ยาวนานเกือบ 50 ปี

  • โดย : สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม
  • 23 ม.ค. 59
  • 14,263 อ่าน

ถ้าให้เอ่ยถึงรถรถไซส์ Compact ที่เป็นรุ่นยอดนิยมของคนทั่วทั้งโลก ต้องมีชื่อของ Honda Civic เข้ามาในหัวของเราอย่างแน่นอน ใครจะเชื่อว่ารถรุ่นนี้มีอายุยาวนานมาเกือบ 50 ปีแล้ว และเร็ว ๆ นี้ก็กำลังจะมี Generation ที่ 11 กลับมาให้คนทั้งโลกได้ชื่นชมอีกแล้ว วันนี้เรามาย้อนรอยประวัติศาสตร์อันยาวนานของรถยนต์ใหม่รุ่นนี้กันดีกว่าครับ

Honda Civic กำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1972 และนับตั้งแต่นั้นมา ยนตรกรรมต้นแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และ ได้รับการสร้างสรรค์และพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้รถทั่วโลกใน ทุกยุคสมัย จวบจนถึงปัจจุบันรวมระยะเวลา 49 ปี

Honda Civic ทั้ง 9 รุ่น จึงสะท้อนภาพลักษณ์ของยนตรกรรมที่เหนือนิยามของมาตรฐานแห่งโลกวิศวกรรมยานยนต์ ความก้าวล้ำทางเทคโนโลยียานยนต์ คือ ความหมายของ Honda Civic ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และ “จิตวิญญาณแห่งความท้าทาย” ยังคงเป็นหัวใจของ ฮอนด้า ซีวิค ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นอยู่เสมอ จึงเป็นบทพิสูจน์กว่า 49 ปี แห่งความก้าวล้ำในการพัฒนาเทคโนโลยี ยานยนต์ของ Honda Civic สู่ความเป็นยนตรกรรมอันมีเอกลักษณ์ระดับโลก

 

1.  Honda Civic รุ่นที่ 1 (ค.ศ. 1972 – 1979) : จุดกำเนิดของนวัตกรรม สู่การเป็นผู้นำมาตรฐานยานยนต์โลก

Honda Civic ทำการเปิดตัวสู่ชาวญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 1972 แต่ทำการขายจริงในปี 1973 นับเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญของโลก และเป็นจุดกำเนิดของนวัตกรรมของ Honda Civic นั่นคือ การนำเสนอเครื่องยนต์ CVCC หรือ Compound Vortex Controlled Combustion ซึ่งเป็นเครื่องยนต์รุ่นแรกที่สามารถ ผ่านมาตรฐาน Muskie Act หรือ กฎหมายควบคุมมลพิษในไอเสียที่เข้มงวดที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยออกแบบเพื่อให้เป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดน้ำมันมากที่สุด และในรุ่นเดียวกันนี้เอง ยังถือเป็นครั้งแรก ที่ Honda Civic ได้พลิกโฉมประวัติศาสตร์การออกแบบรถยนต์คอมแพคท์และกลายเป็นมาตรฐานสำหรับรถยนต์ ทั่วโลก ด้วยการออกแบบที่มีลักษณะเป็นทรง 2 มิติ (Two-box Styling) โดยวางเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบไว้ด้านหน้าพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และยังเป็นครั้งแรกที่ขยายสายผลิตภัณฑ์ด้วยการนำเสนอระบบเกียร์อัตโนมัติ

 

2. Honda Civic รุ่นที่ 2 (1979 – 1983) : รถยนต์คุณภาพแห่งยุค 80’s

ตอกย้ำความสำเร็จของเครื่องยนต์จากรุ่นแรกด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับรุ่นที่ 2 ด้วยเครื่องยนต์ CVCC-II  ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้และช่วยให้เครื่องยนต์ทรงพลังมากขึ้น มีให้เลือกใช้งาน 2 ขนาดคือ 1.3 ลิตรและ 1.5 ลิตร ขึ้นอยู่กับประเทศที่จำหน่าย ซึ่งส่งผลให้ Honda Civic เป็นรถยนต์ที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และยังมีเกียร์ให้เลือกหลายแบบ ทั้งเกียร์ธรรมดา 4 สปีด, 5 สปีดและเกียร์ "กึ่งอัตโนมัติ" 2 สปีด ที่เรียกกันในช่วงนั้นว่า "Hondamatic" ทั้งนี้ ได้มีการแนะนำโฉมใหม่ ทั้งในรูปแบบของ รถ Country Station Wagon ,แบบรถยนต์ 4 ประตู, แบบ 3 ประตู Hatchback และ 5 ประตู Hatchback การันตีความสำเร็จของการเป็นยนตรกรรมแห่งยุค 80’s ด้วยรางวัล “U.S. Import Car of the Year” จากนิตยสาร Motor Trend

 

3. Honda Civic รุ่นที่ 3 (1983 – 1987) : ความสำเร็จทั้งในเอเชีย สหรัฐอเมริกา และยุโรป

ด้วยคอนเซ็ปต์ในการพัฒนา Honda Civic รุ่นที่ 3 นี้ คือ “maximum space for people, minimum space for mechanisms” เป็นการมอบพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางขึ้นเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้รถ ส่งผลให้ ฮอนด้า ซีวิค รุ่นนี้ มีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งแบบแฮทช์แบ็ค 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, และแบบชัตเทิล 5 ประตู (shuttle) และเป็นครั้งแรกที่เผยโฉม ฮอนด้า ซีวิค เอสไอ โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีเฉพาะในรถแข่งฟอร์มูล่าวันเท่านั้น เริ่มต้นรุ่นมาตรฐานด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 76 แรงม้า และเพิ่มรุ่นพิเศษ SI ด้วยเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 128 แรงม้าในปี 1984

ส่งผลให้เป็นรุ่นที่ได้รับกระแสความนิยมอย่างล้นหลามในยุคนั้น ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำหน้าและการออกแบบของหลังคาที่ยาวมากขึ้น Honda Civic ได้รับรางวัล “Car of the Year” ในประเทศญี่ปุ่น ในปี 1984 และในปีเดียวกัน ได้ตอกย้ำความสำเร็จของการเป็นรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูงสุด ด้วยการได้รับคะแนนสูงสุดจากการทดสอบอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน จาก U.S. Environmental Protection Agency และยังประสบความสำเร็จในตลาด ฝั่งยุโรปด้วยรางวัลด้านการออกแบบรถยนต์ “Torino-Piedmonte Car Design Award”

นอกจากนี้ Honda Civic รุ่นที่ 3 นี้ ยังเป็นรุ่นแรกที่ประกอบและจำหน่ายในประเทศไทยภายใต้ชื่อ ฮอนด้า คารส์ (ประเทศไทย) (ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย)ในปัจจุบัน) 

 

4. Honda Civic รุ่นที่ 4 (1987 – 1991) : อีกขั้นแห่งยนตรกรรมที่เร้าใจสไตล์สปอร์ต

รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่สนองตอบทุกความต้องการของผู้ใช้รถ ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อการขับขี่ที่สะดวกสบาย และสนุกเร้าใจสไตล์สปอร์ต อาทิ ระบบกันสะเทือนดับเบิ้ลวิชโบน ซึ่งเป็นปีกนก 2 ชั้น ทั้ง 4 ล้อ  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีเฉพาะในรถแข่งฟอร์มูล่าวันและรถสปอร์ตเท่านั้น สำหรับตัวถังได้รับการออกแบบให้ลู่ลม และกว้างขวางยิ่งขึ้น อีกทั้งยังนำเสนอเครื่องยนต์ VTEC ระบบ Twin Cams เพิ่มประสิทธิภาพในการเปิด-ปิดวาล์ว ที่สอดคล้องกับรอบของเครื่องยนต์ ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นในรอบความเร็วต่ำ และช่วยให้เร่งเครื่องได้อย่างไม่สะดุดที่รอบความเร็วสูง มีเครื่องยนต์ให้เลือกหลายขนาด ทั้ง 1.3, 1.4, 1.5 และ 1.6 ลิตร และเกียร์อีก 4 รูปแบบ คือ เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ความสำเร็จของ Honda Civic รุ่นที่ 4 ในตลาดยุโรปยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับรางวัล “Golden Steering Wheel Award” จากหนังสือพิมพ์สัญชาติเยอรมัน Bild am Sonntag และถูกจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ในการเป็นยนตรกรรมคุณภาพที่น่าเชื่อถือ จัดอันดับโดยนิตยสาร L’Automobile ประเทศฝรั่งเศส โดยโฉมนี้ในตลาดเมืองไทย ถูกคนในวงการรถยนต์เรียกว่า "โฉมไฟท้าย 2 ชั้น" หรือ "โฉม EF" และถือเป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์ธรรมดา 4 สปีด และโฉมนี้ถือเป็นตัวต่อยอดไปยังรถรุ่นน้อง Honda City อีกด้วย

 

5. Honda Civic รุ่นที่ 5 (1991 – 1995) : พลิกโฉมการออกแบบรูปลักษณ์ครั้งสำคัญ

ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ กับการพลิกโฉมให้มีรูปทรงที่โค้งมน ซึ่งเป็นการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อลดแรงต้านทานและเพิ่มการลู่ลม การออกแบบตัวถังภายในที่ตอบความต้องการของ  คนรุ่นใหม่ในยุค 90’s ซึ่งเป็นโครงสร้างตัวถังแซมบ้า โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากคอนเซ็ปต์งานคาร์นิวัลในกรุงริโอ เดอ จาเนโร ที่เน้นพลังและความมีชีวิตชีวาในทุกๆ ด้าน มาในรูปแบบตัวถังหลากหลาย ทั้ง คูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู และแบบซีดาน 4 ประตู  มีเครื่องยนต์ทั้ง 1.3, 1.5, 1.6 และ 1.8 ลิตร ขับเคลื่อนผ่านเกียร์ 2 รูปแบบคือ เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนแปลงสู่ความปลอดภัยที่เหนือกว่าด้วยการติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ล้ำสมัยที่มีเฉพาะในรถยนต์ระดับหรูเท่านั้น อาทิ ป้องกันการหลุดโค้งด้วยระบบควบคุมการทรงตัว (TCS) ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบป้องกันการลื่นไถล (LSD) ด้วยความล้ำหน้าทางนวัตกรรมการออกแบบและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทำให้ Honda Civic รุ่นที่ 5 ได้รับรางวัล “Car of the Year Japan” สองปีติดต่อกัน ในปี 1991 และ 1992  โดยโฉมนี้ในตลาดเมืองไทยถูกเรียกว่า "โฉมเตารีด" ส่วนตัว 3 ประตูจะเรียกว่า "โฉมสามดอร์" ซึ่งถือเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะในปัจจุบันยังมีการซื้อขายรถมือสองกันในราคาระดับแสนบาท ทั้งที่รุ่นนี้ตอนเปิดขายในเมืองไทยครั้งแรกราคาเพียงแค่ 361,000 บาท ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 396,000 บาท ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ และตัวรถก็มีอายุยาวนานกว่า 28 ปีแล้วก็ตาม (รถเปิดตัวในประเทศไทยปี 1993)

 

6. Honda Civic รุ่นที่ 6 (1995 – 2000) : เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Honda Civic ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างตามหลักอากาศพลศาสตร์ และโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ตอบรับความต้องการของผู้ใช้รถในยุคนั้น ที่คำนึงถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเครื่องยนต์ VTEC ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า และเป็นรุ่นที่ได้รางวัล “Car of the Year Japan” สองปีซ้อน ในปี 1995 และ 1996 มีตัวถัง 5 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 4 ประตู ส่วนในประเทศไทยมีขายแค่ 2 แบบคือ รุ่นซีดาน 4 ประตู และคูเป้ 2 ประตู และโฉมนี้มีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้งานได้ทั้ง 1.3, 1.4, 1.5 และ 1.6 ลิตร ระบบเกียร์ 3 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ CVT, เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ตลาดเมืองไทยเรียกโฉมนี้ว่า "โฉมตาโต" และโฉมนี้เองที่ได้มีความร่วมมือกับทาง Isuzu ในการแลกเปลี่ยนตัวรถกัน โดยทางอีซูซุได้นำไปแปะตราของตัวเองแล้วนำไปขายในชื่อรุ่นว่า Vertex 

 

7. Honda Civic รุ่นที่ 7 (2000 – 2005) : มาตรฐานความปลอดภัยที่เหนือระดับ สร้างบรรทัดฐานใหม่แก่วงการยานยนต์

มีการใช้โครงสร้างตัวนิรภัย G-CON เพื่อช่วยปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง จึงทำให้ Honda Civic เป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งได้รับรางวัล Car of the Year Japan สองปีติดต่อกัน ในปี 2001 และ 2002 ประกอบกับแนวคิดการออกแบบและพัฒนาเพื่อให้เป็น “มาตรฐานของรถยนต์ระดับคอมแพคท์” ส่งผลให้ มีพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ประหยัดน้ำมันสูงสุด และให้การขับขี่ที่นุ่มนวล รวมถึงเปลี่ยนแปลงด้านการออกแบบด้วยการผสมผสานระหว่างตัวถังแบบทรงกล่อง และเพิ่มความโค้งมนให้กลมกลืนมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังนับเป็นครั้งแรกที่มีการจำหน่ายเครื่องยนต์ไฮบริด ในสหรัฐอเมริกา โดยผ่านการรับรองว่าเป็นรถยนต์ที่ปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ จาก California Air Resources Board และมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 19.5 กม./ลิตร และมีการจำหน่ายในประเทศไทยด้วย แต่มีจำนวนไม่มากนัก

โดย Honda Civic ในโฉมนี้ มีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้งานหลากหลาย ทั้ง 1.3, 1.5, 1.6, 1.7 และ 2.0 ลิตร และเกียร์ 5 ระบบคือ เกียร์อัตโนมัติ CVT, เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แต่ในประเทศไทยมีเฉพาะเครื่องยนต์ 1.7 ลิตร ที่มากับเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดเท่านั้น

 

8. Honda Civic รุ่นที่ 8 (2005 – 2012) : ยนตรกรรมระดับโลกอย่างแท้จริง

อีกครั้งที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ได้รับการผลิตใน 6 ภูมิภาคทั่วโลก โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ใหม่ที่มีขนาดเล็กลงแต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ และให้ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันสูงสุด โดยได้รับเสียงตอบรับจากทั่วโลกว่าเป็นรุ่นที่สวยที่สุด มีตัวถัง 4 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู , hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู และ station wagon 5 ประตู เครื่องยนต์มีให้เลือกหลายขนาด ทั้ง 1.3 ไฮบริด , 1.4, 1.6, 1.8, 2.0, 2.2 และ 2.4 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์แบบ อัตโนมัติ 5 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ส่วนในประเทศไทยจะมีเฉพาะรูปแบบ Sedan 4 ประตู เครื่องยนต์ 1.8 เกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และ 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดเท่านั้น แต่เครื่องยนต์โฉมนี้ก็ถูกพัฒนาจนสามารถเติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ และเปิดตัวมาในปี 2008

 

9. Honda Civic รุ่นที่ 9 (2012 – 2016) : ยกระดับความหรูหรา สะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

 

ภายใต้แนวคิดในการพัฒนาฮอนด้า ซีวิค ให้เป็นยนตรกรรมที่โดดเด่นแห่งอนาคต ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้ความประณีตและหรูหรายิ่งขึ้น และยังคงมุ่งเน้นการเป็นรถยนต์ที่ประหยัดพลังงานมากที่สุด รองรับการใช้พลังงานทางเลือก E85 รวมถึงเทคโนโลยีอันล้ำหน้าที่ตอบสนองในทุกการใช้งานเพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มีเทคโนโลยี i-Mid หน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่สูงสุด มีตัวถัง 2 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู ซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบค 5 ประตู โดยในประเทศไทยนั้นทางฮอนด้าจะจำหน่ายเฉพาะแบบซีดาน 4 ประตู มีเครื่องยนต์ให้เลือก 7 ขนาด คือ 1.4, 1.5, 1.8, 2.0, 2.2 และ 2.4 ลิตร โดยในประเทศไทยจะมีจำหน่ายเฉพาะรุ่น 1.8 เกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และ 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด เท่านั้น และโฉมนี้เป็นรุ่นแรกที่ถูกพัฒนาให้เติมน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้ในปี 2013 แต่ก็ถูกแซวว่า เป็นโฉมที่ขี้เหร่ที่สุดของ Honda Civic แล้ว

 

Honda Civic.

10. Honda Civic รุ่นที่ 10 (2016 - ปัจจุบัน) : บทพิสูจน์ที่แท้จริงด้วยความนิยมของคนทั่วโลก

Honda Civic รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก รวมทั้งยังได้รับความชื่นชมในการออกแบบอย่างมากมาย ด้วยรูปทรงที่สวยงาม ดูปราดเปรียวและหรูหราได้ในรถคันเดียว ใช้แพลตฟอร์มใหม่ที่พัฒนามาจาก Honda Accord ทำให้ภายในห้องโดยสารและมิติของตัวถังมีความกว้างขวางกว่ารุ่นที่ผ่านมา มีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้งานหลากหลาย ทั้ง 1.0 ลิตร Turbo, 1.6, 1.8, 2.0 ลิตร และ 1.5 ลิตร Turbo ระบบเกียร์มีให้เลือก 2 แบบคือ อัตโนมัติ​ CVT และเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ แต่ในประเทศไทยมีให้เลือกใช้งานเครื่องยนต์ 2 รูปแบบคือ 1.8 ลิตรและ 1.5 ลิตร Turbo และมีเพียงเกียร์ CVT ให้เลือกใช้งานเท่านั้น และเป็นโฉมแรกที่ได้ติดตั้งระบบความปลอดภัยอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะ Honda Sensing ที่ประกอบไปด้วยระบบความปลอดภัยมากมาย ทั้ง

· ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

· ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)

· ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

· ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)

· ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

รวมทั้งระบบความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น Honda Lane Watch ก็ยังคงมีอยู่ด้วย ถือเป็นรุ่นที่ให้ระบบความปลอดภัยมาเต็มเปี่ยมไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง Honda Accord เลย และเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย

 

10. Honda Civic รุ่นที่ 11 (เร็ว ๆ นี้) : การรอคอยและจับตาของคนทั้งโลก

Honda Civic

สำหรับ Honda Civic โฉมใหม่ Generation ที่ 11 ที่คนทั้งโลกกำลังรอคอยนั้น ในที่สุดก็ได้เปิดเผยโฉมออกมาอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว (อ่านรายละเอียดได้ที่ "มาไทยแน่นอน!! 2022 All New Honda Civic Sedan ใหม่หมด….เก๋งยอดนิยมขวัญใจมหาชนทั่วโลก") โดยภาพที่เห็นจะเป็นโฉมที่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ โดยจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ช่วงเดือน พฤษภาคม-สิงหาคมนี้ และแน่นอนว่าจะมาเปิดตัวและจำหน่ายในประเทศไทยอย่างแน่นอน ซึ่งน่าจะเป็นปลายไตรมาสที่ 3 หรือช่วงไตรมาสที่ 4 นี้

ข้อมูลบางส่วนจาก Wikipedia

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

 

5 เรื่องน่าสนใจ