ไฟหน้ารถยนต์ ...ภยันตรายแฝงใกล้ตัว

  • โดย : Autodeft
  • 14 มิ.ย. 58
  • 6,793 อ่าน

พบข้อเท็จจริงระบบไฟหน้ารถยนต์ในวันนี้มันอาจจะไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คุณคิด เพียงเพราะเชื่อว่าไฟที่ส่องสว่างได้มากจะให้การมองเห็นที่ดี

 

เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

 

กล่าวถึงรถยนต์ทุกวันนี้คงไม่มีใครปฏิเสธว่า เราหลายคนต่างมองหาระบบช่วยเหลือในระหว่างการขับขี่ ด้วยการอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์ในการใช้งาน แต่ว่าบางครั้ง หรือ อาจจะในหลายๆครั้ง คงต้องยอมรับว่า เทคโนโลยีที่ดูดีฟังแล้วทันสมัยก็อาจจะมีข้อจำกัดของมัน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ระบบไฟหน้าในรถยนต์ของเราๆ ท่านๆ ต่างมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ตลอด 10  ปีที่ผ่านมามีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาตอบโจทย์เสมอ ตั้งแต่หลอดไฟฮาโลเจนแบบดั้งเดิม ,ไฟซีนอน จนมาถึงยุคไฟ LED   และมันกำลังจะเปลี่ยนถ่ายไปสู่ยุคไฟเลเซอร์ เหมือนที่แนะนำใน  BMW Series 7   ใหม่ ซึ่งสามารถส่องสว่างได้ไกลสูงสุดถึง   600 เมตร ในตำแหน่งไฟสูง

[IMAGE1]

ระบบไฟหน้าเหล่านี้ ความทันสมัยของมันถูกตอบโจทย์ด้วยความสว่างในการใช้งาน จนบางคนมักเข้าใจว่า เมื่อได้ระบบไฟใหม่ๆในรถยนต์คันใหม่ มันจะทำให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย แต่ความจริงแล้วระบบไฟหน้ารถยนต์ทุกวันนี้ อาจจะไม่ได้สว่างมากมายอย่างที่คุณคิดมันเป็นภาพลวงตาในความเชื่อผิดๆ

เมื่อไม่นานมานี้มีการทดลอง ระบบไฟหน้ายุคใหม่ในฟลอริดา โดยสถาบันวิจัยยานยนต์ของสมาคมรถยนต์แคลิฟอร์เนียใต้ร่วมกับหน่วยงาน AAA  โดยจากผลสรุปในการทดสอบชุดไฟหน้ารถยนต์ที่ขายในอเมริกากลับพบว่ากว่า   40 %  ของรถยนต์ที่วางจำหน่ายในตลาดรถยนต์อเมริกา สอบตกในการที่จะให้การส่องสว่างทางแก่ผู้ขับขี่อย่างชัดเจน

โดยเฉพาะเมื่อผู้ขับขี่ใช้ความเร็ว   65  ก.ม./ช.ม.  เป็นไปได้สูงที่แสงไฟจะไม่สามารถตรวจเจอ หรือสะท้อนวัตถุระหว่างทางไม่ว่าจะ จนคนเดินถนน ,สัตว์ หรือสิ่งของที่กีดขวางทาง จนทำให้ผู้ขับขี่มีเวลามากพอที่จะตัดสินใจหลีกเลี่ยงหรือหยุดรถได้ทันสถานการณ์

[IMAGE2]

ในไฟฮาโลเจนเทคโนโลยีไฟหน้าพื้นฐาน เมื่อเปิดสวิทช์ในตำแหน่งไฟสูง จะเพิ่มค่าการส่องสว่างจากเดิมอีก   28 % แต่ในการใช้งานจริงก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้ขับขี่สามารถที่จะบังคับควบคุมรถได้ดีหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินยามที่คุณใช้ความเร็วในการขับขี่ โดยตามรายงานระบุว่าความเร็วที่เหมาะสมในการที่คนขับขี่จะหยุดรถได้ทันท่วมที คือความเร็ว 76 ก.ม./ช.ม.

แต่คอนักแต่งรถที่รู้แบบนี้แล้วเตรียมจะหาไฟซีนอนมาติดทันทีก็อย่างเพิ่งจะดีใจไป เพราะตามรายงานอาจจะยืนยันว่าเมื่อเทียบการส่องสว่างแล้วไฟหน้าแบบ   LED   และ ไฟหน้าแบบ   High Intensive Discharge   หรือ ไฟซีนอน แม้จะมีความสามารถในการส่องสว่างมากกว่า  25  %   เทียบกับไฟฮาโลเจน ทว่าข้อเท็จจริงที่สำคัญข้อหนึ่งคือว่าการส่องสว่างของไฟจะลดลงประมาณหนึ่งเมื่อใช้ความเร็วเกิน  72 ก.ม./ช.ม. ขึ้นไป

อย่างไรก็ดี ถ้าคุณต้องขับในถนนหนทางที่มืดชุดไฟหน้าแบบ LED   หรือ ซีนอน มีประโยชน์มากว่า ในการส่องสว่าง โดยเฉพาะตำแหน่งไฟสูง ที่สามารถส่องได้ไกลถึง   500 ฟุตเลยทีเดียว

แม้ว่าการส่องสว่างในยุคใหม่จะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ที่สำคัญที่เราได้จากงานวิจัยชิ้นนี้คือความไม่ประมาทในการขับขี่ โดยเฉพาะในยามค่ำคืน ซึ่งคุณอาจจะกลายเป็นเหยื่อความประมาทเพียงเพรามั่นใจในชุดไฟหน้าที่ส่องสว่างจนแสบตาว่า มันปลอดภัยสุดๆ

เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง (Bonn)

ติดตามผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ นาย ณัฐยศ ชูบรรจง ได้ที่ Facebook ,Twiter (@nattayodc)

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ