Deft Versus : ประชัน 3 C-Car ยอดนิยม ใครจะหล่อ ใครจะโดน

  • โดย : Autodeft
  • 11 มี.ค. 59
  • 15,519 อ่าน

ตลาดรถคอมแพ็คคาร์ หรือ C-Car กลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อเจ้าใหญ่อย่าง Honda ส่ง All New Honda Civic เขย่าตลาดตั้งแต่วันนี้ (11 มีนาคม) ถือว่างานนี้อาจทำให้ ที่ปรึกษาการขายของโชว์รูม Honda ทั่วประเทศ ทำงานอย่างหนักและเตรียมใบจองกันเป็นจำนวนมาก เพื่อต้อนรับคลื่นมหาชนจากทั่วทุกสารทิศขึ้นโชว์รูมเพื่อมาสัมผัสและทดลองขับอย่างเป็นทางการ

ก่อนหน้าที่ Honda เตรียมเปิดผ้าคลุม All New Ciivc เหล่าบรรดาคู่แข่งไม่ว่าจะเป็น Toyota Corolla Altis กับ Mazda 3 ต่างขยับตัวเองอีกครั้งด้วยการส่ง ออฟชั่นใหม่ๆ มาสกัดดาวรุ่ง ให้ชนิดหงายเก๋ง แต่ด้วยความใหม่กว่า สดกว่า ทำให้ All New Honda Ciivc มีภาษีกว่าชาวบ้าน และถือเป็นโอกาสดีที่จะจับ 3 รถ C-Car ยอดนิยม มาประชันโฉมกัน

 

All Honda Civic

Honda Civic

การมาของเจ้า Compact Car นี้เป็นเจเนอเรชั่นที่ 10 พร้อมการออกแบบที่เด่นด้วยกระจังหน้าโครเมี่ยมดีไซน์คล้ายปีกที่วางตัวเป็นแนวยาวเต็มกรอบกระจังหน้า มาพร้อมกับไฟหน้าสไตล์สปอร์ต พร้อมไฟ Daytime Running  ล้ออัลลอยด์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว และขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง เท่ห์ในทุกมุมมอง สปอร์ตล้ำหน้าด้วยไฟท้ายทรงรูปตัว C แบบ LED หลังคารถออกแบบลาดลงมาจนถึงด้านท้าย คล้ายๆทรงรถ Hatchback 5 ประตูและนำกระจกแบบโอเปร่ามาใช้ เป็นครั้งแรก

Honda Civic

พร้อมภายในทันสมัยด้วยแผงหน้าคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่หมดงดงาม ใช้งานง่าย คอนโซลกลางติดตั้งจอทัชสกรีน ขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการใช้งานทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay  พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน และระบบเบรกมือไฟฟ้าให้การใช้งานสบายขึ้น ปุ่ม Push Start พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) ที่สามารถสั่งการได้จากระยะไกล เพื่อช่วยอุ่นเครื่อง พร้อมปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบายล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง

ด้านเครื่องยนต์มาพร้อม 2 ขุมพลัง ทั้งเครื่องเบนซิน 1.8 ลิตร I-VTEC 141 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 174 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที และใหม่ เครื่องเบนซินเทอร์โบ VTEC Turbo ขนาด 1.5 ลิตร  ให้กำลังสูงถึง 173 แรงม้าที่ 5,500 แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,700-5,500 รอบ/นาที ทั้ง 2 เครื่องมาพร้อมระบบส่งกำลังด้วยเกียร์ออโต้ CVT ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม

Honda Civic

พร้อมความปลอดภัย ทั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน ระบบแสดงภาพ มุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) เป็นต้น ในราคาตั้งแต่ 869,000-1,199,000 บาท

 

 

 

Toyota Corolla Altis MY2016

Toyota Corolla Altis

Compact Car ยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่นที่เป็นคู่รักคู่แค้น มาคราวนี้ เพิ่มออฟชั่นใหม่ในแต่ละรุ่น พร้อมความปลอดภัยแบบเต็ม ในเรือนร่างเดิมหน้าตาเดิม เริ่มจาก ไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ พร้อม ไฟ LED Day Time Running Lights สอดรับเข้ากับกระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์ พร้อมไฟตัดหมอกหน้า ใหม่!! กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติแบบใหม่ เมื่อล็อกประตูรถ กระจกจะพับเก็บโดยอัตโนมัติทันที

Toyota Corolla Altis

ภายในเพิ่มออฟชั่น เพื่อให้ทันสมัย เช่น มาตรวัดเรืองแสง จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบใหม่ เพิ่ม ระบบกรองอากาศในห้องโดยสาร nanoe ให้อากาศภายในห้องโดยสารบริสุทธิ์ ถนอมผิวให้ชุ่มชื้นทั่วทั้งห้องโดยสาร ซึ่งสองออฟชั่นใหม่อยู่ในและ เบาหลังสามารถปรับเอนได้เพิ่มความสบายและผ่อนคลายสูงสุดตลอดการเดินทาง

ขุมพลัง มาพร้อม 2 ทางเลือกทั้ง เครื่องเบนซิน Dual VVT-i 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่วนเครื่องเบนซิน Dual VVT-i 1.6 ลิตร มีการปรับปรุงใหม่ เพื่อสามารถเติมน้ำมันแก็สโซฮออล์ สูงถึง E85 ได้ ให้กำลังสูงสุด 125 แรงม้า  ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 157 นิวตันเมตร ที่ 5,200 รอบ/นาที มีให้เลือก ทั้งระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด หรือระบบเกียร์อัตโนมัติ  Super CVTi 7 สปีด

Toyota Corolla Altis

Toyota Corolla Altis MY2016 มาพร้อมความปลอดภัยทั้ง ระบบควบคุมการทรงตัว (VSC) กับ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC) เสริมทัพด้วย โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ระบบเบรก ABS ระบบกระจายเบรก EBD พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ และ ถุงลมนิรภัยคู่ SRS ในราคาตั้งแต่ 779,000 – 1,079,000 บาท

 

 

Mazda 3 MY2016

Mazda 3

สปอร์ต Compact รายนี้ยังคงเดินหน้าสร้างความร้อนแรงเช่นเดิมและเพื่อทัดเทียมกับคู่แข่ง ค่ายรถหัวใจ Zoom-Zoom รายนี้เสริมออฟชั่นตามโครงสร้างภาษี CO2  เพิ่มระบบประหยัดน้ำมัน i-Stop, เพิ่มกล้องมองหลัง (Rear View Camera), เพิ่มระบบกุญแจอัจฉริยะ (Smart Keyless Entry) และ สีเบาะนั่งและแผงประตูในรุ่น สีดำ ใหม่

ด้านเครื่องยนต์ยังเหนียวแน่นกับเครื่องเบนซิน Skyactiv-G 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 165  แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และให้แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที รองรับพลังงานทางเลือก E85 มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-DRIVE ให้ การเปลี่ยนเกียร์ที่ตอบสนองอย่างแม่นยำ กระชับรวดเร็ว

พร้อมความปลอดภัยภายใต้ คอนเซ็ปต์ i-ACTIVESENSE ตั้งแต่ ดิสค์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบป้องกันล้อล็อค (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake-force Distribution (EBD) และระบบช่วยเบรก Brake Assist (BA) ระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติขณะกลางวัน Daytime Running Lights ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Dynamic Stability Control (DSC) ระบบป้องกันการลื่นไถล Traction Control System (TCS) คอพวงมาลัยแบบยุบตัวอัตโนมัติเมื่อเกิดการชนปะทะ ทำงานพร้อมกับถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้าและ ถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 ลูก ในรุ่นท็อป เป็นต้น ในราคาตั้งแต่ 838,000- 1,099,000 บาท

 

งานนี้รักใครชอบ คุณเท่านั้นเป็นผู้ชี้ชะตา!!!!!!

 

เรื่องและเรียบเรียงโดย สุกิจ เลิศธนะแสงธรรม (นายเต้ย)

 

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ