เปิดตัวรถใหม่ Honda City ปรับโฉม ทั้งไฮบริด e:HEV และ VTEC TURBO พร้อม Honda SENSING ทุกรุ่นย่อย ราคา 629,000 - 839,000 บาท
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 5 ก.ค. 66 11:26
- 34,526 อ่าน
ช่วงเวลากลางปี 2023 แบบนี้ ทางฮอนด้าได้ถือโอกาสเปิดตัวรถใหม่รุ่นปรับโฉมกับ Honda City ซิตี้คาร์ยอดนิยม ที่ยกระดับความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์ใหม่รอบคัน พร้อม 2 ขุมพลังทั้งฟูลไฮบริด e:HEV และ VTEC TURBO พร้อมระบบตัวช่วยความปลอดภัย Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย
โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกกับกระจังหน้า กันชนหน้า กันชนหลัง และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว (รุ่น V) แบบทูโทน (รุ่น SV) ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
และในรุ่น RS มากับกระจังหน้าสีดำเงาดีไซน์ใหม่ เสริมความสปอร์ตแบบ RS กันชนหน้า กันชนหลัง สเกิร์ตข้าง ดีไซน์ใหม่ เสริมความสปอร์ตแบบ RS สปอยเลอร์หลังดีไซน์สปอร์ตแบบ RS และมีระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาพร้อมระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (รุ่น e:HEV RS) ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ล้อแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV)
พร้อมภายในเพิ่มความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น กว้างขวาง โปร่งโล่ง เสริมลุคสปอร์ตพรีเมียมใหม่กับเส้นสายสีแดงภายใน มาพร้อมระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)
ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์* อาทิ
• มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth
• พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
• พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง
• ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) (รุ่น RS และ e:HEV RS)
• ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ปุ่ม ECON
• ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ลำโพง 8 ตำแหน่ง (รุ่น RS และ e:HEV RS)
• กระจกมองหลังแบบตัดแสง
• แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า (รุ่น RS และ e:HEV RS)
• ไฟอ่านแผนที่และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
• ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย
• พนักเท้าแขนด้านหน้า
• พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว (รุ่น RS และ e:HEV RS)
• ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งคนขับและหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมช่องเก็บของขนาดเล็ก
(รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT (รุ่น RS และ e:HEV RS)
• ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
• ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
โดยวัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีเงิน (เฉพาะรุ่น V) และสีดำ Piano Black (เฉพาะรุ่น SV และ e:HEV SV)วัสดุหุ้มเบาะผ้า (เฉพาะรุ่น V) และวัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ (เฉพาะรุ่น SV และ e:HEV SV) มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม
สปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้นกับรุ่น RS และรุ่น e:HEV RS ด้วยวัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีแดงเมทัลลิก และวัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง
ขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และ แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุดที่ 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที และยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 83 กรัม/กิโลเมตร รองรับพลังงานทางเลือก E20 ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV จะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสม ประกอบด้วย 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
ขุมพลัง TURBO กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ที่มาพร้อม Turbo Charger มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับพลังงานทางเลือก E20
มาพร้อม Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน จักรยาน และจักรยานยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วย 6 ฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
• ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
• ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
• ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) (รุ่น V, SV และ RS)
พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF)
(รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
และยังมีเทคโนโลยีและความปลอดภัยครบครัน ไม่ว่าจะเป็น
• ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) (รุ่น e:HEV RS)
• กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ระบบ Auto Brake Hold (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
• ถุงลมคู่หน้า
• ถุงลมด้านข้างคู่หน้า
• ม่านถุงลมด้านข้าง (รุ่น RS และ e:HEV RS)
• ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)
• ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
• ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
• ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
• ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
• เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
• เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าและหลังแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
• ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย
• ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
• จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
• ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
• ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
• สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) (เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น RS และ e:HEV RS) สีขาวแพลทินัม (มุก) (เฉพาะรุ่น SV, RS, e:HEV SV, และ e:HEV RS) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) และสีขาวทาฟเฟต้า (เฉพาะรุ่น V)
สำหรับ Honda City ปรับโฉมใหม่นี้ มีให้เลือก 2 ขุมพลังขับเคลื่อน รวมทั้งหมด 5 รุ่นย่อย และมีราคาจำหน่าย ดังนี้
• ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย
- รุ่น e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
- รุ่น e:HEV SV ราคา 769,000 บาท
• ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย
- รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
- รุ่น SV ราคา 679,000 บาท
- รุ่น V ราคา 629,000 บาท
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com