The new Mercedes-Benz A-Class Sedan มิติใหม่...เก๋งเล็กพรีเมี่ยมเพื่อคนเมือง เริ่ม 2.49 ล้านบาท

  • โดย : Autodeft
  • 22 ส.ค. 62
  • 15,201 อ่าน

หลังจากเปิดตลาดในต่างประเทศมาสักพักสำหรับ Mercedes-Benz A-Class เจเนอเรชั่นที่ 4 ทำให้สาวกตราดาวชาวไทย จดจงและสนใจว่าเมื่อไหร่จะเปิดขายจริงเสียที ล่าสุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) นำที่สุดเก๋งเล็กพรีเมี่ยมมาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในร่างซีดานเป็นครั้งแรกในรหัส V177 ชื่อรุ่น Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic

Mercedes-Benz A-Class

ตัวถังนำดีไซน์ครึ่งคันหน้าเวอร์ชั่น Hatchback มาพัฒนาให้ลงตัวสอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity โดยจะเน้นความเรียบง่าย และให้ความสำคัญกับผิวสัมผัส แต่ในขณะเดียวกันก็มีความร้อนแรง และน่าดึงดูดใจ ด้วยโครงสร้างภายนอกแบบ AMG ที่โดดเด่นด้วยการตัดทอนเส้นสาย และช่องว่างให้มีน้อยที่สุด ถือเป็นการผสมผสานระหว่างดีไซน์คลาสสิกของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ และความปราดเปรียวเร้าใจได้อย่างลงตัวด้วย ฝากระจังหน้าแบบ diamond radiator grille ที่ประกอบด้วยเส้นเดี่ยวแนวนอน และ ตราสัญลักษณ์ของ Mercedes-Benz ตรงกลาง ด้านกว้างของตัวรถถูกออกแบบมาให้ดูทรงพลังและเร้าอารมณ์สอดรับกับเส้นสายด้านข้างที่ทอดตัวอยู่บริเวณช่วงล่างของตัวถัง ช่วยให้ตัวรถดูกว้าง ส่วนกระจกมองข้างนั้นอยู่ในระนาบเดียวกับขอบล่างของกระจกห้องโดยสารพอดี นอกจากนั้นยังมีล้อขนาด 18 นิ้ว แบบ 5 ก้านคู่ พร้อมยาง 225/45 R18 และโคมไฟหน้าแบบ LED High Performance ที่มีความ เพรียวบาง และกรอบเคลือบโครเมี่ยมที่ทำงานร่วมกับไฟส่องสว่างขณะขับขี่ตอนกลางวันแบบ LED ที่มีลักษณะคล้ายคบเพลิง ตัวรถมีตวามปราดเปรียวและมิติตั้งแต่ความยาว 4,556 มม. ความกว้าว 1,796 มม. ความสูง 1,425 มม.

Mercedes-Benz A-Class

ภายในยกชุดมาจากเวอร์ชั่น Hatchback ตั้งแต่พวงมาลัยตกแต่งแบบสปอร์ตท้ายตัดหุ้มด้วยหนัง nappa เพื่อเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่เบาะที่นั่งหุ้มด้วยหนัง ARTICO / DINAMICA microfibre ทั้งหมด โดยเบาะที่นั่งด้านคนขับจะมาพร้อมหน่วยบันทึกความจำ อีกทั้งเบาะด้านหลังยังสามารถพับได้แบบ 40:20:40 รูปลักษณ์ของแผงหน้าปัดมีความล้ำสมัยด้วยฝาครอบทรงปีกนกที่ทอดยาวตั้งแต่ประตูหน้า ผ่านคอนโซลกลางอย่างไร้รอยต่อเชื่อมไปจนถึงแผงหน้าปัดใหม่หมดแบบ Dual Screen Cockpit ด้วยหน้าจอ 2 ขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว กัน 2 หน้าจอ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานโดยหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกันและมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ

Mercedes-Benz A-Class

Mercedes-Benz A-Class

ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Widescreen ขนาดใหญ่เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์ที่ใช้ระบบสัมผัส (Touchscreen) นอกจากนี้ยังมีระบบ infotainment รุ่นใหม่ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) พัฒนาขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้ง่าย และสามารถจดจำลักษณะการใช้งานของผู้เป็นเจ้าของได้ โดย จะทำงานร่วมกับบริการ Mercedes me connect ทำให้การเชื่อมต่อระหว่าง ลูกค้า ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ รวมถึงการบริการอื่นๆ เป็นไปอย่างสะดวกและง่ายดายมากขึ้น อีกทั้งยังมีความสามารถใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นการจากทำงานร่วมกันของสองระบบนี้อีกมากมาย เช่น การสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะที่สามารถตรวจจับการสั่งการด้วยภาษาพูดอย่างเป็นธรรมชาติ (Natural speech recognition) ทำให้ระบบเข้าใจภาษาอังกฤษในหลายสำเนียงได้ เพียงแค่พูด คำว่า ‘Hey, Mercedes’ เพื่อเริ่มต้นการทำงาน ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้สมาธิกับการขับรถได้ มากขึ้นระหว่างการสั่งการระบบ เป็นต้น”

Mercedes-Benz A-Class

ผลลัพธ์ที่ได้คือ มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่หลากหลายขึ้น และความสะดวกสบายที่มากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ บริการ Mercedes me connect มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการ และฟังก์ชันต่างๆ ตามต้องการได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน อาทิ

• Mercedes-Benz emergency call system ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชน เซ็นเซอร์ ของระบบนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ และส่งตำแหน่งของรถยนต์ให้กับศูนย์ช่วยเหลือทันที

• Vehicle Monitoring เจ้าของรถยนต์สามารถเช็คตำแหน่งล่าสุด หรือเส้นทางการขับขี่ของรถยนต์ได้ผ่านแอปพลิเคชั่นของ Mercedes me connect ได้

• Vehicle Set-up ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้จากระยะไกล โดยเซ็นเซอร์ที่ อยู่ในรถจะตรวจสอบสภาพของรถยนต์ในขณะนั้น และส่งเป็นข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่นฯให้ทั้งผู้ขับขี่ และศูนย์ซ่อมบำรุงสามารถเปิดดูรายละเอียดข้อมูลสถานะต่างๆ ได้

• Maintenance Management ระบบนี้จะช่วยเตือนเมื่อถึงเวลานำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ โดยจะตั้งวัน และเวลาเข้ารับบริการในครั้งต่อไปให้อัตโนมัติ

• Remote Engine Start ฟังก์ชันที่ช่วยให้การใช้รถของคุณสะดวกสบายมากขึ้น โดยคุณสามารถเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศทำความเย็นล่วงหน้า หรือการสั่งเปิด หรือล็อกประตูรถจากระยะไกล เป็นต้น

• Online Booking ฟังก์ชั่นสำหรับการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการต่างๆ จาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว

รื่นรมย์ตลอดการเดินทางด้วยระบบไฟภายส่องสว่างในห้องโดยสาร ambient lighting ที่สร้างบรรยากาศให้เลือกถึง 64 สี มากกว่ารุ่นก่อนหน้า ถึง 5 เท่า ที่ช่วยขับเน้นเอกลักษณ์นี้โดดเด่นยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถผสมสีสันต่างๆ เพิ่มเป็นสีพิเศษ ได้อีก 10 สีสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความแปลกใหม่ไม่เหมือนใครและห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีปริมาตร 420 ลิตร ช่องกระโปรงหลัง มีขนาดกว้าง 950 มิลลิเมตร และมีระยะเส้นทแยงมุมจากตัวล็อกถึงขอบล่างของกระจกหลัง ถึง 462 มิลลิเมตร ช่วยให้ใส่หรือนำสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ออกได้อย่างสะดวก

Mercedes-Benz A-Class

ขุมพลังสำหรับตลาดเมืองไทยเป็น เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.3 ลิตร รหัส M282 163 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,620-4,000 รอบ/นาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7G-DCT ขับหน้า ระบบความปลอดภัย มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีในรถยนต์รุ่นก่อนหน้ามากมาย เช่น ระบบช่วยหยุดรถ (Active Brake Assist) ที่ได้รับพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นโดยสามารถ ลดความเสียหายหรือป้องกันการพุ่งชนกับรถยนต์ข้างหน้าที่ใช้ความเร็วต่ำกว่า กำลังชะลอ หรือแม้แต่รถที่จอดอยู่ข้างหน้าได้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้รถเฉี่ยวชนกับผู้ที่ข้ามถนนหรือผู้ใช้จักรยานได้เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมกับระบบช่วยจอดพร้อมกล้องหลัง (Parking package with reversing camera) ที่จะช่วยให้การถอยจอดง่ายขึ้นอีกด้วย

Mercedes-Benz A-Class

Mercedes-Benz A-Class

The new Mercedes-Benz A-Class Sedan จำหน่ายเพียงรุ่นเดียวนั่นคือ Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic ในราคา 2,490,000 บาท

 

ชม Gallery งานเปิดตัว The New Mercedes-Benz A-Class ได้ที่นี่

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ