Mercedes-Benz GLA SUV เล็กปรับโฉมใหม่จอมลุยจากค่ายหรูเริ่ม 2.09 ล้านบาท

  • โดย : Autodeft
  • 21 ก.ค. 60
  • 31,984 อ่าน

เกือบ 6 ปีที่ Mercedes-Benz ได้ส่งอเนกประสงค์น้องเล็กสุด Mercedes-Benz GLA ลุยตลาดเมืองไทยจนเป็นที่ยอมรับ ในเรื่องความสง่างามภายใต้เรือนร่างยกสูง ที่ตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่อย่างเต็มรูปแบบจนมียอดขายในเมืองไทย มากถึง 10,962 คัน

Mercedes-Benz GLA

Mercedes-Benz GLA

และเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จึงส่งหน้าใหม่ พร้อมกับดีไซน์สปอร์ตเร้าใจ เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และระบบความปลอดภัยล่าสุด มานำเสนอให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่มีคาแรคเตอร์ที่ชื่นชอบการผจญภัยท่องเที่ยว แต่แฝงไปด้วยความสปอร์ตที่ไม่เหมือนใครในราคาจำหน่ายเดิม สำหรับรุ่นที่จำหน่ายมีด้วยกันถึง 3 รุ่น ตั้งแต่รุ่น GLA 200 Urban และ GLA 250 AMG Dynamic และที่สุดตัวแรงกับ Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC เพื่อเอาใจคนที่ชื่นชอบความเร็วและแรงแต่ยังคงดีไซน์สไตล์คอมแพ็คเอาไว้ด้วยเช่นกัน

ภายนอกสำหรับ รุ่น GLA 200 Urban และ GLA 250 AMG Dynamic ยังคงเอกลักษณ์ของดีไซน์อันเร้าอารมณ์ในแบบฉบับรถยนต์คอมแพ็ค ที่ผสานกับความสปอร์ต อเนกประสงค์ และสมรรถนะอันดีเยี่ยม เหมาะทั้งการขับภายในเมืองและนอกเมืองได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับการยกตัวถังให้สูงขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่แบบออฟโร้ดให้ดีขึ้น ด้วยตำแหน่งที่นั่งซึ่งยกสูงขึ้นและรูปลักษณ์ที่ดูสมบุกสมบันมากกว่าที่เคย, กันชนแบบใหม่, ระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance โดดเด่นด้วยคุณสมบัติการส่องสว่างอันยอดเยี่ยม พร้อมด้วยอุณหภูมิแสงที่ใกล้เคียงกับแสงอาทิตย์ ที่จะช่วยลดความเมื่อยล้าของสายตาผู้ขับขี่เมื่อต้องขับรถในเวลากลางคืน ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ในกรอบไฟหน้า, ไฟส่องสว่างอัตโนมัติในที่มืด, ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED, กระจกมองข้างปรับระดับ และพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า, กระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่ และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายด้วยระบบไฟฟ้า, ราวหลังคาอะลูมิเนียม, ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมี่ยม 2 ท่อ

พร้อมออพชั่นเฉพาะรุ่น ในส่วน GLA 200 Urban จะมาพร้อมกับไฟตัดหมอกหน้าและล้ออัลลอย แบบ 5 ก้าน ขนาด 18” และรุ่น GLA 250 AMG Dynamic จะมาพร้อมกับหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบ ไฟฟ้า, ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มือ, ชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชน หน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง), ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน, สัญลักษณ์ Mercedes -Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi - spoke ขนาด 19”

Mercedes-Benz GLA

ภายใน Mercedes-Benz GLA ทั้งรุ่น  GLA 200 Urban และ GLA 250 AMG Dynamic มาพร้อมกับระบบมัลติมีเดียมาตรฐานรุ่นใหม่ อย่าง หน้าจอขนาด 8 นิ้ว, มาตรวัดรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับเข็มชี้สีแดงซึ่งช่วยให้ผู้โดยสารอ่านค่าสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น พร้อมระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO และระบบ HANDFREE ACCESS ที่สามารถเปิดประตูท้ายได้โดยไม่ใช้มือในรุ่น GLA 250 AMG Dynamic โดย GLA 200 Urban ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO สำหรับ GLA 250 AMG Dynamic ตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO สลับ DINAMICA microfibre สีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง, ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต

ซึ่งทั้ง 2 รุ่น ยังมาพร้อมกับเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบ ไฟฟ้าพร้อมหน่วยบันทึกความจำ โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3 / 2:3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น, เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังปรับองศาได้ พร้อมกล่องเก็บของ ตาข่ายสัมภาระซ้าย-ขวา และช่องจ่ายไฟขนาด 12 โวลต์ บริเวณที่เก็บสัมภาระ ด้านท้าย ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 2 โซน, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน, วิทยุ-ซีดี MB Audio 20, ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (BlueTooth), รองรับการใช้งานระบบนำทาง (Pre-installation SD-Card Navigation), ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™), MB Apps, ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร แบบ 12 สี และกาบบันไดเรืองแสงพร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz

Mercedes-Benz GLA

ขุมพลังของ Mercedes-Benz GLA โฉมใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์แรงถึง 2 ขนาดตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1.6 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 156 แรงม้า ที่ 5,300 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,250-4,000 รอบ/นาที ในรุ่น GLA 200 Urban และเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 211 แรงม้าที่ 5,500รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200- 4,000รอบ/นาที ในรุ่น GLA 250 AMG Dynamic โดยทั้ง สองรุ่น ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด แบบ7G-DCT

Mercedes-Benz GLA

ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยี ที่เพิ่มเติมสำหรับทั้ง 2 รุ่น คือ การติดตั้งระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) เป็นระบบความปลอดภัยมาตรฐาน โดยระบบนี้จะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ในกรณีที่ระยะห่างระหว่างรถยนต์ที่ผู้ขับขี่ขับอยู่กับรถยนต์คันข้างหน้านั้นมีน้อยเกินไป และหากจำเป็น ระบบนี้สามารถสั่งชะลอหรือหยุดรถให้โดยอัตโนมัติเพื่อรักษาระยะที่เหมาะสมได้ หากเกิดสถานการณ์อันตราย ระบบนี้ยังสามารถสั่งหยุดรถได้โดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันการเฉี่ยวชน รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ อาทิ ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง, กล้องแสดงภาพด้านหลังสำหรับถอยรถ, โปรแกรมควบคุม การทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist, ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light), ระบบรักษาระดับความเร็ว (cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันยาง (tyre pressure loss warning system) และระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)

Mercedes-Benz GLA

Mercedes-Benz GLA

ที่สุดความกับรุ่น Mercedes-AMG GLA45 โดดเด่นด้วยฝากระโปรงหน้ารูปแบบใหม่ที่มีรูปทรงที่ลู่ลมกว่าเดิม ลวดลายของช่องรับอากาศด้านหน้าใหม่, ระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist), ชุดแต่ง AMG Night Package, AMG Aerodynamic package ที่เพิ่มชุดตกแต่งกันชนหน้าและกันชนหลังสีดำแบบไฮ-กลอสให้มีความสปอร์ต มากยิ่งขึ้น รวมถึงด้านท้ายรถที่มาพร้อมกับดิฟฟิวเซอร์ลวดลายใหม่บริเวณกันชนหลัง การเลือกใช้วัสดุเก็บขอบสีดำปลายขอบ สปอยเลอร์หลังคาที่ปรับแต่งเพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่โดยเฉพาะ

ภายใน ติดตั้งเบาะที่นั่งหุ้มหนังแบบสปอร์ต โดยเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ และระบบอุ่นร้อน, ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต, พวงมาลัยแบบพิเศษ AMG Performance Steering Wheel Nappa / DINAMICA ที่เพิ่มความกระชับและมั่นใจตลอดการขับขี่ ตกแต่งภายในด้วย AMG Design trim in black / red แบบ CARBON FIBRE ที่คมเข้มดุดัน มาพร้อมกับเข็มขัดนิรภัยสีแดงที่เข้ากับ สีเบาะ ทำให้ได้อารมณ์สปอร์ต น่าหลงใหล, กาบบันไดเรืองแสงประตูหน้าแบบ AMG และ AMG DYNAMIC SELECT, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 10 ก้าน ขนาด 20” และอุปกรณ์มัลติมีเดีย อย่าง วิทยุ-ซีดี MB Audio 20, หน้าจอแบบยกตัว ขนาด 8 นิ้ว พร้อมเพิ่มความรื่นรมย์ตลอดการขับขี่ด้วยเครื่องเสียงแบบ Harman Kardon® Logic 7® surround sound system ที่ให้เสียงรอบทิศทาง, ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Bluetooth), ระบบ นำทาง GARMIN MAP PILOT รวมถึงหลังคาพาโนรามิค ซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

Mercedes-Benz GLA

รุ่นแรง Mercedes-AMG GLA 45 AMG อัพพลังสูงด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร ถึง 381 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 475 นิวตันเมตรที่ 2,250-5,000 รอบ/นาที พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT DCT 7-speed และรระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC เป็นระบบช่วงล่างและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาตรฐา ที่มอบการยึดเกาะพื้นถนนอย่างมั่นใจแม้ในสภาพการขับขี่แบบออฟโร้ด โดยระบบช่วงล่างนี้จะถ่ายทอดพลังงานจากเครื่องยนต์สู่ล้อทั้ง 4การส่งแรงบิดที่คงที่อย่างต่อเนื่องพร้อมด้วยการกระจายแรงบิดที่ล้อคู่หน้าและคู่หลังอย่างเท่ากัน ซึ่งส่งผลให้รถยนต์รุ่นนี้มีทั้งความสปอร์ต

ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยี มาพร้อมกับระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) และไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light), กล้องแสดงภาพด้านหลังสำหรับถอยรถ, ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot), ระบบเบรก AMG High Performance Braking System ประสิทธิภาพสูง เพื่อเพิ่มความเร้าใจและปลอดภัยขณะขับขี่ที่ความเร็วสูง, ระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีโหมดการขับขี่อันหลากหลาย ซึ่งทำให้ผู้เป็นเจ้าของสามารถสัมผัสถึงการขับขี่แบบเร้าใจหรือการขับขี่แบบนุ่มสบายตลอดการเดินทางได้ในคันเดียว โดย DYNAMIC SELECT มีโหมดการขับขี่ 4 แบบ คือ INDIVIDUAL ที่สามารถช่วยจดจำรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับได้, COMFORT ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน, SPORT เน้นการเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น และ SPORT+ ซึ่งเป็นโหมดที่สามารถใช้สมรรถนะเครื่องยนต์ได้สูงที่สุด และอัตราเร่งดีที่สุด

Mercedes-Benz GLA

Mercedes-Benz GLA โฉมใหม่นี้ มีจำหน่ายถึง 3 รุ่น ดังนี้

- GLA 200 Urban ราคา 2,090,000 บาท (ราคาเดิม)

- GLA 250 AMG Dynamic ราคา 2,390,000 บาท (ราคาเดิม)

- GLA 45 4MATIC ราคา 4,840,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 150,000 บาท)

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

 

5 เรื่องน่าสนใจ