แกร์เร็ตต์ เปิดตัวเทคโนโลยีคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าใหม่ล่าสุด ในรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน

  • โดย : PR Autodeft
  • 19 มิ.ย. 66
  • 1,867 อ่าน

แกร์เร็ตต์ โมชัน อิงค์ (Garrett Motion Inc.) (Nasdaq: GTX) ผู้นำด้านเทคโนโลยีที่แตกต่างสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้สนับสนุนความทุ่มเทของบีเอ็มดับเบิ้ลยู กรุ๊ป (BMW Group) ในการพัฒนารถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่มีการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ซึ่งมาพร้อมกับคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCC) ขั้นสูงที่ได้รับการพัฒนาโดยทีมวิจัยและพัฒนาของแกร์เร็ตต์ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ บีเอ็มดับเบิ้ลยู กรุ๊ป ได้ประกาศว่า บริษัทจะทดลองระบบขับเคลื่อนรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนรุ่นที่ 2 ในรถยนต์ซีรีส์ บีเอ็มดับเบิ้ลยู ไอเอ็กซ์5 ไฮโดรเจน (BMW iX5 Hydrogen) ที่ได้รับแรงผลักดันจากคอมเพรสเซอร์เซลล์เชื้อเพลิงแบบแยกส่วน สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน

 

"ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เราได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับบีเอ็มดับเบิ้ลยู กรุ๊ป เพื่อพัฒนาคอมเพรสเซอร์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนขั้นสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขาอย่างตรงจุด ซึ่งความพยายามนี้จะถึงจุดสูงสุดในการทดลองใช้งานบนถนนเชิงลึกในปลายปีนี้" คุณเครก บาลิส (Craig Balis) รองประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของแกร์เร็ตต์ กล่าว "เราภูมิใจที่ได้เป็นพันธมิตรกับบีเอ็มดับเบิ้ลยู กรุ๊ป เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมและรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ไอเอ็กซ์5 ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์" คุณบาลิสกล่าว และเสริมว่า "นี่คือผลจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ และยึดมั่นในความตั้งใจของเราที่จะเป็นผู้นำระบบขับเคลื่อนพลังงานไฮโดรเจนชั้นแนวหน้า"

 

แอร์คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าของแกร์เร็ตต์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง คือเทคโนโลยีสำคัญในระบบเซลล์เชื้อเพลิงของรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยู ไอเอ็กซ์5 ไฮโดรเจน โดยเซลล์เชื้อเพลิงจะผลิตกระแสไฟฟ้าที่เพียงพอสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าผ่านกระบวนการไฟฟ้าเคมีระหว่างไฮโดรเจนกับออกซิเจนในอากาศที่จ่ายให้กับเซลล์เชื้อเพลิงสะสม และเพื่อให้เกิดการดำเนินกระบวนการปฏิกิริยาดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพและผลิตพลังงานให้ได้มากที่สุดแล้ว เซลล์เชื้อเพลิงสะสมจะถูกป้อนด้วยการไหลของอากาศและแรงดันที่เหมาะสมตามความจำเป็น ตรงนี้เองที่แอร์คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงของแกร์เร็ตต์จะส่งการไหลเวียนของอากาศที่จำเป็นเข้าไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความหนาแน่นและผลผลิตพลังงานของระบบเซลล์เชื้อเพลิง นอกจากนี้ ยังช่วยดึงประสิทธิภาพและความคงทนของเซลล์เชื้อเพลิงสะสมได้ในระดับสูงสุดตลอดอายุการใช้งานของรถยนต์ด้วยขนาดที่กะทัดรัดอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีเครื่องขยายกังหันใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อกู้คืนพลังงานที่เสียไปจากช่องปล่อยของเซลล์เชื้อเพลิงสะสม ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 20% สำหรับการอัดอากาศ เมื่อเทียบกับคอมเพรสเซอร์เซลล์เชื้อเพลิงทั่วไป เพื่อรองรับการใช้งานลักษณะนี้โดยเฉพาะ

 

คุณบาลิส กล่าวว่า "แกร์เร็ตต์คือผู้บุกเบิกเทคโนโลยีคอมเพรสเซอร์เซลล์เชื้อเพลิงไฟฟ้าไฮโดรเจน ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและประสบการณ์บนท้องถนนเป็นเวลาหลายปี นวัตกรรมรุ่นใหม่ถูกพัฒนาขึ้นจากมรดกการออกแบบและวิศวกรรมที่ทลายขีดจำกัดเดิม ซึ่งรวมถึง มอเตอร์ไฟฟ้าความเร็วสูง อิเล็กทรอนิกส์กำลัง และการควบคุมขั้นสูง"

 

ในระหว่างขั้นตอนการพัฒนา รถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยู ไอเอ็กซ์5 ไฮโดรเจน และองค์ประกอบสำคัญของตัวรถ ทั้งคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงและอินเวอร์เตอร์ ได้รับการทดสอบในอุณหภูมิ ความชื้น และระดับการสั่นสะเทือนที่โหดหิน ความพยายามเหล่านี้ได้สะท้อนความทุ่มเทของบีเอ็มดับเบิ้ลยู กรุ๊ป ในการส่งมอบการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านระบบขับเคลื่อนที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนที่พึ่งพาได้ในทุกสภาพอากาศ

 

คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงสมรรถนะสูงแบบแยกส่วนของแกร์เร็ตต์ อาศัยความเชี่ยวชาญด้านอากาศพลศาสตร์แบบเทอร์โบ (turbo aerodynamics) ของบริษัท และทำงานเหนือความเร็วมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกินกว่า 150,000 รอบต่อนาที

 

คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงของแกร์เร็ตต์ ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับระบบส่งกำลังไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนของทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถเพื่อการพาณิชย์ ตลอดจนรถที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม ซึ่งคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงขนาด 400 โวลต์ และ 800 โวลต์ของบริษัทมีตลับลูกปืนฟอยล์ไร้น้ำมันขั้นสูงที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว ซึ่งให้ประสิทธิภาพการทำงานและคุณสมบัติด้านเสียงรบกวนที่ยอดเยี่ยม เพราะไม่มีสิ่งปนเปื้อน

 

แกร์เร็ตต์ โมชัน คือผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมด้านคอมเพรสเซอร์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน โดยรุ่นแรกได้พัฒนาขึ้นภายในบริษัทและเปิดตัวในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในปี 2559

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีคอมเพรสเซอร์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนของแกร์เร็ตต์ได้ที่นี่

 

เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ( FCEV)

รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนมีการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสียเป็นศูนย์ และใช้ประโยชน์จากระบบส่งกำลังที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มที่ โดยกักเก็บพลังงานในรูปของไฮโดรเจนไว้ในถังแรงดันสูง แทนที่จะเป็นแบตเตอรี่ เซลล์เชื้อเพลิงสะสมไฮโดรเจนสร้างพลังงานไฟฟ้าผ่านกระบวนการไฟฟ้าเคมีระหว่างไฮโดรเจนและออกซิเจน ซึ่งจะช่วยมอบพลังงานที่จำเป็นสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ปฏิกิริยาดังกล่าวจะสร้างโดยมี "ไอเสีย" เพียงนิดเดียวคือความร้อนและน้ำสะอาดในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น

 

นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนยังไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ที่หนักและใช้แร่ธาตุจำนวนมากซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ และใช้เวลาเติมเชื้อเพลิงพอ ๆ กับระบบส่งกำลังดีเซลหรือเบนซินเพียงหลักนาที ไม่ใช่นานเป็นหลักชั่วโมงเหมือนรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ (BEV) ลักษณะเหล่านี้ของรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ที่มีน้ำหนักมากกว่า เช่น เอสยูวี (SUV) รถบรรทุกขนาดเล็ก รถเพื่อการพาณิชย์ และการใช้งานแบบออฟโรด

 

การเปลี่ยนแปลงนโยบายทั่วโลก ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง และกฎระเบียบด้านการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดยิ่งขึ้น มีส่วนผลักดันให้ความสนใจที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้าพลังไฮโดรเจนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยสภาไฮโดรเจน (Hydrogen Council) ระบุว่า ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปีมีการลงทุนในโครงการไฮโดรเจนใหม่มากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์แล้ว

 

เกี่ยวกับแกร์เร็ตต์ โมชัน อิงค์

แกร์เร็ตต์ โมชัน (Garrett Motion) คือผู้นำด้านเทคโนโลยีที่มีความโดดเด่น โดยให้บริการลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกมาแล้วมากกว่า 65 ปี ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของบริษัทช่วยลดการปล่อยมลพิษ ไปถึงเป้าหมายการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ และนำเสนอรถยนต์อัจฉริยะ นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นที่รู้จักในการเป็นผู้นำระดับโลกด้านเทอร์โบชาร์จเจอร์และความก้าวหน้าทางวิศวกรรม โดยบริษัทกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการรถยนต์ให้สะอาดมากขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น และมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ผลงานของบริษัทประกอบด้วย อี-เทอร์โบ (e-turbo) อันดับ 1 ตลอดกาล, อี-คอมเพรสเซอร์ (e-compressor) เซลล์เชื้อเพลิงประสิทธิภาพสูง ตลอดจนระบบขับเคลื่อนและจัดการอุณหภูมิสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าแบตเตอรี่ ทั้งยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถเพื่อการพาณิชย์ทั้งบนพื้นถนนและนอกถนน ทั้งนี้ แกร์เร็ตต์มีศูนย์วิจัยและพัฒนา 5 แห่ง โรงงานผลิต 13 แห่ง และพนักงาน 9,300 คนใน 180 ประเทศ บริษัทมึความมุ่งมั่นในการส่งเสริมอุตสาหกรรมขนส่ง ในการกำหนดนิยามใหม่และยกระดับการสัญจร ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.garrettmotion.com

 

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ