Test Drive: รีวิว ทดลองขับ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ก่อนเปิดราคา แรง เนียน นุ่มหนึบ ออฟชั่นเต็ม
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 18 มิ.ย. 64 00:00
- 12,582 อ่าน
หลังจากการเปิดตัวเผยโฉมครั้งแรกในโลกที่ไทยกับ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ที่งาน Bangkok International Motor Show 2021 ที่ผ่านมา ก่อนเตรียมเผยราคาค่าตัวของรถอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 นี้ ที่หลาย ๆ คนรอคอย ซึ่งก่อนการเปิดราคานั้น ทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ ก็ได้นำสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะและสัมผัสประสบการณ์แรกกับการขับขี่บนถนนจริงแล้วเรียบร้อย
นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสอันดีที่ทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เชิญทีมงาน AUTODEFT เข้าร่วมขับทดสอบรถใหม่รุ่นแรกจากบริษัท ที่เตรียมบุกทำตลาดในไทย กับ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ที่กระแสนับตั้งแต่การเผยโฉมนั้นได้รับการตอบรับที่ดีไม่น้อย ซึ่งหลาย ๆ คนน่าจะอยากทราบว่าสมรรถนะในการขับขี่ใช้งานจริงแล้วนั้นจะเป็นเช่นไร
ในการขับทดสอบครั้งนี้ ภาพรวมการขับขี่เป็นช่วงของเส้นทางในเมืองเล็กน้อยย่านสุขุมวิท วิ่งออกนอกเมืองไปยัง จ.ชลบุรี เพื่อมุ่งหน้าสู่สนามบินหนองค้อ อันเป็นสถานที่ในการขับทดสอบสถานีต่าง ๆ โดยทั้งหมดของการทดสอบรถที่ทาง เกรท วอลล์ มอเตอร์ จัดเตรียมไว้ให้คือ HAVAL H6 Hybrid SUV รุ่นย่อย Ultra ที่ถือเป็นรุ่นท็อปสุด โดยทางค่ายยังมีจำหน่ายอีกหนึ่งรุ่นย่อยเริ่มต้นที่มีชื่อเรียกว่า รุ่น Pro
รูปลักษณ์ภายนอกการออกแบบคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว โดดเด่นมาด้วยมิติเส้นสายที่ดูบึกบึนใหญ่โต มีความเรียบหรูสไตล์รถยุโรป กระจังหน้าหกเหลี่ยมลวดลายตะแกรงสีโครเมียม พร้อมโลโก้ HAVAL ตรงกลางขนาดใหญ่ ไฟส่องสว่างแบบ LED เต็มรูปแบบ ด้านท้ายกับแถบไฟท้ายพาดยาวซ้ายจรดขวาแบบ LED taillight strip เด่นด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว รัดด้วยยาง 225/55 R19 มีมิติตัวรถ ยาว 4,653 มม. กว้าง 1,886 มม. สูง 1,724 มม. ระยะฐานล้อกว้าง 2,738 มม. และมีความสูงจากใต้ท้องรถ 175 มม.
ภายในเรียบหรูในแบบสีทูโทน พร้อมตกแต่งด้วยสี Rose Gold ลงตัวสวยงาม และหากเป็นรุ่น PRO ภายในจะมาในธีมสีดำเข้มดุ ที่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะมีออพชั่นภายในสีดำให้เลือกสำหรับในรุ่นท็อปด้วย เด่นด้วยหน้าจอดิจิตอลทั้งจอกลางแบบสัมผัสขนาด 12 นิ้ว หน้าปัดรถดิจิตอลขนาด 10 นิ้ว และ Head Up Display (HUD) ที่เป็นจอสี แท่นชาร์จไร้สายบริเวณคอนโซลกลาง พวงมาลัยสามก้านพร้อมปุ่มควบคุม เบาะที่นั่งสีทูโทน ปรับคู่หน้าด้วยไฟฟ้า มีไฟสีแดง (Ambient Light) สร้างบรรยากาศ มีระบบระบายอากาศที่เบาะหน้าสามารถปรับระดับได้ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาด 1.2 ตารางเมตร สามารถสั่งการได้แบบวันทัช มีระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศ AQS ด้วยเครื่องกรองอากาศ CN95 มาพร้อมกับเครื่องกำเนิดไอออนลบ สามารถลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร และแน่นอนว่ามาพร้อมระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกฝั่ง พร้อมช่องปรับอากาศผู้โดยสารแถวหลัง
ส่วนของหน้าจอกลางนั้นเรียกได้ว่ารวมเอาการตั้งค่าต่าง ๆ ของตัวรถมาไว้ที่จอชุดนี้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบแผนที่นำทาง ระบบความบันเทิง การปรับโหมดการขับขี่ การตั้งค่ารถยนต์ต่าง ๆ การปรับความหนืดพวงมาลัย ระบบปรับอากาศ เป็นต้น และส่วนของการเชื่อมต่อก็สามารถทำได้ สามารถสั่งการผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อการดูข้อมูลตัวรถ รวมไปถึงการสั่งการต่าง ๆ แต่ในส่วนของการเชื่อมต่อ Apple Car Play และ Android Auto ตอนนี้นั้น ยังไม่สามารถใช้งานได้จนกว่าจะมีการอัพเดตออนไลน์อีกครั้งช่วงเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งความสะดวกก็คือสามารถอัพเดตได้แบบ FOTA แบบออนไลน์ คล้ายสมาร์ทโฟนที่เราใช้งานกัน
ได้เวลาเริ่มต้นขับทดสอบไปกับ All New HAVAL H6 Hybrid SUV หลังรับฟังบรีฟรายละเอียดเรียบร้อย สัมผัสแรกกับท่านั่งในตำแหน่งผู้ขับตัวเบาะโอบกระชับแบบพอดีไม่รู้สึกอึดอัด สามารถปรับตำแหน่งด้วยไฟฟ้าได้ง่าย ทัศนวิสัยด้านหน้า ด้านข้าง สามารถมองได้ชัดเจน แรก ๆ ในการขับอาจจะรู้สึกว่าด้านหน้ากะระยะได้ยากเล็กน้อยเนื่องจากดีไซน์ของฝากระโปรงขนาดใหญ่ที่ดูมีสเต็ปขึ้นมา
ในช่วงที่เริ่มเคลื่อนตัวออกไปย่านกลางเมืองที่รถหนาแน่นบนถนนสุขุมวิท รวมถึงรถจักรยายนต์ที่วิ่งตามช่องระหว่างรถแต่ละเลน ระบบเตือนรอบตัวรถของ HAVAL H6 Hybrid SUV ทำงานแจ้งเตือนทั้งเสียง และภาพจากกล้องรอบคันที่แสดงบนหน้าจอกันแบบจัดเต็ม ระบบกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา แสดงภาพได้อย่างคมชัดผ่านหน้าจอกลาง มีการบอกระยะห่างจากรถคันด้านหน้าที่จอดนิ่งอยู่ได้อีกด้วย ซึ่งระบบนี้ช่วยทำให้รู้สึกมั่นใจขึ้น แม้ว่าช่วงแรก ๆ ที่เริ่มขับ จะมองรอบตัวรถโดยเฉพาะด้านหน้าไม่ถนัดนัก แต่ด้วยกล้องรอบคันและเซ็นเซอร์ ก็เพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้นทีเดียว ซึ่งรถรุ่นนี้ได้ติดตั้งเรด้า 2 จุด สำหรับการเตือนจุดอับสายตา Ultrasonic Sensor 12 จุดรอบคัน และมีกล้องทั้งหมด 5 ตัว
หากพูดถึงความคล่องตัวแล้ว รถใหม่ HAVAL H6 Hybrid SUV ให้ฟิลลิ่งในการขับขี่ที่คล่องตัวมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอัตราเร่งการออกตัว การควบคุมพวงมาลัย (ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า) ที่ค่อนข้างเบาในการปรับแบบมาตรฐาน (ความหนืดพวงมาลัยสามารถปรับได้ 3 ระดับ) ซึ่งในช่วงความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. นั้น ตัวรถจะมีการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน และเมื่อเกิน 60 กม./ชม. ไปแล้ว ก็จะมีเครื่องยนต์เข้ามาขับเคลื่อนด้วยตลอด แล้วในช่วงต่ำกว่า 60 กม./ชม. เครื่องยนต์ก็ทำงานในหน้าที่ของการปั่นไฟเป็นหลักด้วย ซึ่งตัวแบตเตอรี่ไฮบริดให้มาขนาด 1.6 kwh ติดตั้งอยู่บริเวณที่เก็บสัมภาระท้ายส่วนพื้นด้านล่าง พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ฟิลลิ่งของช่วงล่างเองมาในทางนุ่ม ตัวรถมีความนิ่งดีในระดับหนึ่งและไม่แข็งกระด้าง การขับขี่ในเมืองเองที่ความเร็วไม่ได้สูงนั้นค่อนข้างให้ความรู้สึกที่สบายเลยทีเดียว
ด้านระบบเบรกของตัวรถเป็นดิสก์เบรกสี่ล้อ น้ำหนักของแป้นเบรกกำลังดี การชะลอรถหรือเบรกหยุด กะระยะได้ง่าย เบรกไม่จับไวเกินไป ให้ความนุ่มนวลกับผู้โดยสารได้ดี หรือแม้กระทั่งการเบรกแบบฉุกเฉินที่มาพร้อมตัวช่วย ก็ทำให้การเบรกรถหยุดสนิทมั่นใจและเอาอยู่
ไม่นานก็มุ่งหน้าขึ้นทางด่วนบูรพาวิถี การขับขี่ HAVAL H6 Hybrid SUV ช่วงนอกเมืองทางตรงยาว ๆ แบบนี้ รวมถึงในช่วงขากลับเส้นทางมอเตอร์เวย์เองด้วยนั้น ได้มอบสมรรถนะการขับขี่แบบแรงเหลือ ๆ เหยียบมาแบบมีกำลังต่อเนื่องไม่ต้องเค้นกำลังรถ เรียกได้ว่าแรงดีต่อเนื่องแบบเนียน ๆ ต้องขอขอบคุณขุมกำลังเครื่องยนต์ไฮบริดเบนซินเทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร รองรับน้ำมัน E20 ที่ให้กำลังจากเครื่องยนต์สูงสุด 150 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 177 แรงม้า รวมทั้งระบบสูงสุด 243 แรงม้า และมีแรงบิดจากเครื่องยนต์สูงสุด 230 นิวตันเมตร และแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 300 นิวตันเมตร ทั้งระบบรวมสูงสุด 530 นิวตันเมตรเลยทีเดียว เรียกได้ว่ากดมา ๆ และเกียร์ที่เป็นแบบ DHT ระบบเกียร์ไฮบริดรุ่นแรกที่มี 2 ระบบเกียร์ (1 ระบบเกียร์ที่ด้านเครื่องยนต์ และอีก 1 ระบบเกียร์ที่ด้านมอเตอร์ขับเคลื่อน) ความเนียนในช่วงการต่อกำลัง Low High นั้นไม่มีให้รู้สึก การไต่ความเร็วขึ้นไประดับร้อยกว่า ๆ ทำได้แบบง่ายดาย
ช่วงล่างเมื่อใช้ความเร็วในการเดินทางไกลยาว ๆ 100 - 110 กม./ชม. แบบนี้ ก็มอบความนุ่มนวลได้ดี ความกระด้างตึงตังไม่มีให้รู้สึก และไม่ได้นิ่มจนย้วยไม่มั่นใจ มีความนุ่มและหนึบตามในระดับหนึ่ง แต่ถ้าใครที่ชอบช่วงล่างหนึบ ๆ เกาะ ๆ ที่ความสูง ๆ อาจจะอยากให้หนึบมากขึ้นกว่านี้อีก ซึ่งการนั่งโดยสารแถวหลังคาดว่าน่าจะสบายไม่น้อย ซึ่งทีมงานเองยังไม่มีโอกาสในลองนั่งทดสอบเนื่องจากการขับทดสอบครั้งนี้ 1 ท่านต่อ 1 คัน
และในช่วงนี้เองที่ทีมงานได้ลองใช้งาน Smart Cruise ที่เรียกได้ว่ารวมเอาหลากหลายระบบมาทำงานพร้อม ๆ กัน ซึ่งปกติในการใช้งานระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติทั่ว ๆ ไป อาจมีเพียงแค่การตั้งความเร็วให้รถวิ่งไปโดยที่เรายังต้องคอยเบรกเว้นระยะห่างจากรถคันหน้า พร้อมควบคุมทิศทางให้รถอยู่ในเลน เป็นต้น
แต่ใน HAVAL H6 Hybrid SUV ที่มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA) ที่คอยตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) ทั้งหมดนี้ที่ทำงานไปพร้อม ๆ กัน ก็เป็นระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ 2+
ซึ่งเมื่อเปิดการใช้งาน Smart Cruise เราสามารถที่จะตั้งความเร็วให้รถวิ่งอัตโนมัติเองได้แล้ว ตัวรถยังช่วยประคองพวงมาลัยให้อยู่กลางเลน และคอยตรวจจับรถคันอื่น ๆ แบบรอบตัว ซึ่งจะมีการแสดงการตรวจจับโชว์บนหน้าปัดดิจิตอลตลอดเวลา และแน่นอนว่าเมื่อรถคันด้านหน้ามีการชะลอหรือเบรก รถของเราก็จะชะลอพร้อมเว้นระยะที่ปลอดภัยที่สามารถตั้งค่าได้ 4 ระดับ และหากมีการหยุดนิ่งของรถคันด้านหน้าแล้ว ไม่ว่ากี่วินาที หรือกี่นาที เมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัวไปต่อ เพียงการกดคันเร่งเล็กน้อย รถก็กลับมาวิ่งเองพร้อมเว้นระยะและไต่ความเร็วขึ้นไปเช่นเดิมได้อัตโนมัติ
จุดสังเกตเล็กน้อยที่อาจเจอเมื่อมีการเปิดใช้งานระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) หากระบบตรวจจับเส้นถนนที่อาจไม่ได้คู่ขนานในระยะเท่ากันมากนัก ระบบจะมีความพยายามในการควบคุมพวงมาลัยซ้ายขวาสลับไปมาเล็ก ๆ อยู่บ้างในช่วงต้น ก่อนที่จะเรียนรู้และอาการดิก ๆ จะหายไป และแน่นอนว่าระบบทั้งหมดนี้คุณจะยังต้องจับพวงมาลัยอยู่ ซึ่งหากปล่อยพวงมาลัยเลยเป็นเวลาหนึ่ง ตัวรถก็จะมีการแจ้งเตือนขึ้นมา
และในส่วนโหมดการขับขี่ของ HAVAL H6 Hybrid SUV สามารถปรับได้ 4 โหมด ได้แก่ โหมดมาตรฐาน โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด และโหมดสภาพถนนลื่น ซึ่งการปรับโหมดจะต้องเลือกผ่านทางหน้าจอกลาง ซึ่งแอบไม่สะดวกในการสั่งการอยู่ และในครั้งนี้ของการขับขี่บนถนนจริงนั้นทีมงานใช้โหมดมาตรฐานตลอดการขับขี่ ซึ่งบอกเลยว่าตอบโจทย์เรื่องของอัตราเร่งได้อย่างดีมาก ๆ แล้ว
ไม่นานก็เดินทางมาถึงกันเรียบร้อยที่สนามบินหนองค้อ พื้นที่ปิดที่ถูกเนรมิตให้เป็น TEST DRIVE TRACK ได้แก่
- สถานีทดสอบอัตราการเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ช่วงสถานีนี้ทีมงานก็ได้สัมผัสสมรรถนะอัตราเร่งตั้งแต่รถหยุดนิ่ง ก่อนที่จะจุ่มคันเร่งแบบมิด ในโหมดการขับ Sport พารถพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วที่ไต่ระดับขึ้นแบบต่อเนื่อง และด้วยช่วงล่างที่มาทางนุ่มหนึบก็รู้สึกได้ถึงความมั่นคงแม้เมื่อใช้ความเร็วสูง ที่ราว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 ที่จับได้คร่าว ๆ อยู่ที่ประมาณ 8.6 วินาที โดยการจับเวลาจากระดับความเร็วบนหน้าปัดของรถ
- สถานีทดสอบระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA : Auto Reversing Assistance)
นับเป็นอีกหนึ่งในไฮไลท์ของเทคโนโลยีอันล้ำสมัยใน HAVAL H6 Hybrid SUV โดยรถยนต์สามารถจดจำเส้นทางที่ขับผ่านด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้สูงสุดระยะ 50 เมตร โดยที่ไม่ต้องมีการกดปุ่มสั่งการก่อนใด ๆ จากตัวรถ รถสามารถที่จะถอยหลังกลับอัตโนมัติตามเส้นทางเดิมได้เองโดยที่เราไม่ต้องควบคุมใด ๆ พร้อมกับบอกระยะนับถอยหลัง 50 เมตร ในขณะที่ทำงานอีกด้วย
- สถานีทดสอบระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP Integration Auto Parking)
ด้วยกล้อง 360 องศา และเซนเซอร์อัลตร้าโซนิครอบคัน ทำให้ All New HAVAL H6 Hybrid SUV สามารถค้นหาที่จอดรถ คำนวณพื้นที่สำหรับจอดรถได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถช่วยจอดได้ทั้งในรูปแบบการถอยเข้าช่องจอด การจอดขนานเส้นทางเดินรถ และการจอดตามแนวเฉียง ซึ่งการใช้งานนั้นก่อนถึงที่จอดต้องมีการกดเปิดระบบช่วยจอดอัตโนมัติก่อน เมื่อระบบตรวจเจอก็เพียงกดเริ่มทำงาน คุณก็ไม่ต้องควบคุมรถเอง
ตัวรถจะเปลี่ยนเกียร์เดือนหน้าถอยหลัง เคลื่อนที่รถและเบรกเองทั้งหมด และหากมีเหตุฉุกเฉินใด ๆ คุณสามารถที่จะเบรกให้รถหยุดได้ เมื่อถอนเบรกออกระบบก็จะกลับมาทำงานอัตโนมัติเช่นเดิม จนกว่าการจอดครั้งนั้น ๆ จะเสร็จสมบูรณ์ โดยระบบนี้ในการจอดแบบขนานการออกก็อาจเป็นอุปสรรค ระบบนี้ยังช่วยพาตัวรถออกจากที่จอดขนานอยู่ได้อีกด้วย ซึ่งเมื่อสิ้นสุดการทำงานในการช่วยออกจากจุดจอดขนาน ตัวรถจะอยู่ในลักษณะที่ด้านหน้ารถพ้นระยะ แต่ท้ายรถยังอยู่ในช่องจอดอยู่ ซึ่งสามารถที่จะตรงออกจากช่องจอดขนานได้แล้ว
- สถานีทดสอบระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC : Adaptive Cruise Control)
เป็นการทดสอบการใช้งานกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ Q4 ของโมบายอาย (EYEQ4) ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดตามที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า ซึ่งเมื่อช่วงเดินทางมาทางทีมงานเองก็ได้ลองใช้งานแล้วบนถนนจริง ระบบสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย
ด้านระบบความปลอดภัยและตัวช่วยขับขี่ที่ยังมีติดตั้งมาให้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) ระบบตรวจจับและตีความหมายป้ายจราจร(TSR) ระบบควบคุุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (VSC) ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยการเบรกอัตโนมัติ (AVH) ระบบช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรก (HBA) ระบบลดความเสี่ยงที่จะพลิกคว่ำ (ARS) ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
ส่วนในเรื่องของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยนั้น ต้องขอติดเพื่อน ๆ พี่ ๆ ไว้ก่อน เนื่องจากการขับทดสอบในครั้งนี้มีการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ที่อาจส่งผลต่ออัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่คลาดเคลื่อนไป ไม่ว่าจะเป็นการสตาร์ทเครื่องยนต์และจอดนิ่งเป็นเวลานาน รวมไปถึงการขับทดสอบในสนามที่มีการเค้นสมรรถนะกันแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งในโอกาสต่อไปที่ทีมงานจะได้นำรถมาทดสอบ จะได้นำมารีวิวและทดสอบอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยให้ได้ทราบกันต่อไปทั้งช่วงการขับขี่ในเมืองและนอกเมือง โดยเฉพาะการขับใช้งานในเมืองที่ความเร็วที่ใช้อาจไม่สูงนัก และในช่วงที่ความเร็วต่ำกว่า 60 กม./ชม. มอเตอร์มีช่วงทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนล้วนด้วย ซึ่งเครื่องยนต์จะทำหน้าที่ปั่นไฟ ก็น่าจะทำให้อัตราความประหยัดเฉลี่ยนั้น ตัวเลขน่าจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว
และใครที่สนใจตอนนี้ทาง GWM ก็ได้เปิดโอกาสกับข้อเสนอพิเศษ ULTRA DEAL ที่มีระยะเวลาในการจองสิทธิ์เริ่มตั้งแต่่วันที่ 15 มิถุนายน 2564 เวลา 00.01 น. – 28 มิถุนายน 2564 เวลา 18:00 น. เท่านั้น ที่เรียกได้ว่าจัดเต็มข้อเสนอมากมาย และหากเปิดราคามาแล้วคุณก็สามารถที่จะยกเลิกการจองได้
- ดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 48 เดือน มูลค่าสูงสุด 85,000 บาท
- ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี มูลค่าสูงสุด 25,000 บาท
- ฟรี GWM Ultra Service Inclusive (GUSI) บริการบำรุงรักษาฟรี 5 ปี มูลค่าสูงสุด 65,500 บาท
- ฟรี บริการส่งมอบรถทั่วประเทศ พร้อมฟรี น้ำมันเต็มถัง มูลค่าสูงสุด 10,000 บาท
- พร้อมรับคะแนนสะสม GMW Point 30,000 คะแนน
- ฟรี บริการ 4 ครั้งรับรถหรือส่งรถระหว่างบ้านของลูกค้าและศูนย์บริการเพื่อเช็คระยะ มูลค่าสูงสุด 3,000 บาท
- ฟรี 2 ครั้ง บริการรถ mobile service ให้บริการเช็คระยะที่บ้าน มูลค่าสูงสุด 1,500 บาท
- ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ( Roadside Assistance ) 5 ปี มูลค่าสูงสุด 10,000 บาท
(https://www.gwm.co.th/pre-sales-terms-condition/)
ทั้งหมดนี้กับช่วงเวลาไม่นานนักกับการขับทดสอบ HAVAL H6 Hybrid SUV ใหม่ ที่ตั้งแต่แรกเห็นและสัมผัสตัวรถ ก็อยากที่จะทดลองขับกันเร็ว ๆ ว่าสมรรถนะจะเป็นอย่างไร ซึ่งในวันนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า HAVAL H6 Hybrid SUV ได้มอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจ ด้วยความแรงแบบเหลือ ๆ พร้อมกับช่วงล่างที่น่าจะตอบโจทย์ความสบายและความมั่นใจให้กับหลาย ๆ คนได้ อุปกรณ์ออพชั่นรวมไปถึงเทคโนโลยีตัวช่วยความปลอดภัยที่ให้มาแบบจัดเต็ม กับราคาที่หลาย ๆ คนรอลุ้น ว่าในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ทาง GWM จะเปิดราคารถใหม่รุ่นแรกจากค่ายรุ่นนี้มาที่เท่าไหร่ แล้วคุณล่ะ...คิดว่ารถรุ่นนี้ราคาเท่าไหร่ ?
สิ่งที่ชอบ
- อัตราเร่งสมรรถนะในการขับขี่ที่ตอบสนองได้ดีทันใจ
- มิติความกว้างขวางภายใน
- งานดีไซน์และการประกอบที่ให้ความรู้สึกหรูหรา
- ระบบความปลอดภัยและตัวช่วยขับขี่ที่จัดเต็มมาให้
สิ่งที่ไม่ชอบ
- การสั่งการหรือควบคุมฟังก์ชั่นบางอย่าง ยังใช้งานได้ไม่สะดวกนัก เช่น การปรับโหมดการขับขี่ที่ต้องเข้าไปเปลี่ยนในเมนูย่อยผ่านหน้าจอกลาง
- อยากให้มีออพชั่นภายในสีดำสำหรับรุ่นท็อป
ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com