Test Drive: รีวิว ทดลองขับ Haval Jolion Hybrid SUV สิงโตเริงร่า ในราคาไม่ถึงล้านบาท

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 6 ธ.ค. 64
  • 25,532 อ่าน

นาทีนี้คงไม่มีรถอเนกประสงค์ SUV คันไหนจะเป็นที่พูดถึงได้มากกว่า Haval Jolion Hybrid SUV ได้อีกแล้ว เพราะว่าหลังจากการเปิดราคาออกมา ก็ทำเอาตลาดวงการรถ SUV B สั่นสะเทีอนไปทั้งแถบ กับการปล่อยราคาออกมาที่ไม่ถึงล้าน ถึงแม้ว่าจะเป็วตัวท็อปสุดก็ตาม ทำเอาค่ายรถญี่ปุ่นมองค้อนแบบคอเคล็ดกันเลยทีเดียว

Haval Jolion Hybrid SUV

จริง ๆ แล้วผมในฐานะทีมงาน AUTODEFT ก็ได้มีโอกาสได้ทดสอบสมรรถนะของรถคันนี้กันไปแล้ว เพียงแต่กำลังรอเวลาเพื่อให้มีการเปิดราคาออกมาก่อน จะได้ให้ความเห็นกันได้มากกว่าเดิม ว่ารถคันนี้มันเหมาะสมกับราคาหรือไม่

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

ก่อนอื่นเลย เรามาเริ่มกับรายละเอียดของตัวรถกันก่อนเลยดีกว่า โดย Haval Jolion Hybrid SUV ถือเป็นอเนกประสงค์รุ่นที่ 2 ภายใต้การดูแลของทาง Great Wall Motor หรือเรียกง่ายๆว่า GWM ต่อจาก Haval H6 Hybrid SUV ทำทำยอดขายดีมากที่สุดต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกันในกลุ่มรถอเนกประสงค์ระดับเดียวกับตัวเองไปแล้ว รอบนี้กลับมายังคงยืนยันใช้เครื่องยนต์ระบบ Hybrid เช่นเคย เป็นแบบเบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Multi-point fuel injection ความจุ 1.5 ลิตร โดยตัวเครื่องยนต์ให้กำลังได้สูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 125 นิวตันเมตร ผสานกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 156 แรงม้า 250 นิวตันเมตร เมื่อรวมกำลังออกมา จะได้ความแรงสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเกียร์ DHT มีแบตเตอรี่ขนาด 1.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงเป็นตัวจ่ายไฟฟ้าให้มอเตอร์

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

มิติตัวรถของ Haval Jolion Hybrid SUV เป็นขนาด 1,841 x 4,472 x 1,619 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) ระยะฐานล้อ 2,700 มม. ช่วงล่างด้านหน้าเลือกใช้งานเป็นแบบ อิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ล้อนั้น ใส่มาเป็นขนาด 18 นิ้ว (รถที่ทดสอบเป็นรุ่นบนสุด Ultra)  รัดมาด้วยยางขนาด 225/55 R18 และระบบห้ามล้อเป็นแบบดิสก์เบรกทั้งหมด 4 ล้อ

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

ออพชั่นต่าง ๆ นั้น แทบจะยกมาจาก H6 เกือบทั้งหมดเลย จะยกเว้นก็เรื่องการออกแบบที่จะแตกต่างกันพอสมควร โดยเฉพาะด้านหน้าที่ใช้การออกแบบเป็นแนววัยรุ่นมากกว่า โดยกระจังหน้าเขาว่าเป็นแบบ Star Matrix สีดำ-เทา ยังคงเน้นความแวววาวแต่ยังไม่เท่าตัว H6 (ดีแล้ว) มีไฟหน้าแบบ LED 3 ดวง เปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติได้, เป็นไฟ Welcome light ได้, เป็นไฟส่องนำทางหลังดับเครื่องได้ สอดแทรกด้วยไฟ ส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Daytime Running Light แล้วแยกไฟเลี้ยวมาใส่ด้านล่างเป็นแนวเส้นขนานกับตัวถนนหลายเส้น (ขี้เกียจนับ) มีการตัดกรอบด้วยสีเงินให้ดูหรูหรา ไฟท้ายแบบ LED ไม่ลากยาวเหมือนรุ่นพี่ แบ่งเป็นก้อนซ้าย-ขวา มีติ่งติดอยู่บนบานประตูหลังที่ไม่ใช่ระบบไฟฟ้าเล็กน้อย มีไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ชายกันชนด้านล่างเป็นแถบเหมือน Diffuser หลังคาติดเสาอากาศแบบครีบฉลาม มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ มีระบบ Smart Entry เข้ารถได้โดยไม่ต้องกดปุ่มปลดล็อกบนรีโมทก็ได้ กระจกมองข้างใช้สีเดียวกับตัวรถสลับสีดำ มีไฟเลี้ยวแบบ LED ติดอยู่ และแน่นอนว่ามีกล้องติดอยู่ด้วย ตัวกระจกปรับและพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

ภายในของรถค่าย GWM ไม่เคยทำให้ผิดหวัง รอบนี้มาด้วยสีเทา (แต่เราว่าครีมว่ะ) ตัดกับสีดำ แถมยังเสริมด้วยของสีทองโรสโกลด์ลากเป็นเส้นแนวยาวตลอดทั้งคันอีกด้วย ตัวเบาะทรงต่างจากรุ่นอื่นที่เคยขับ เหมือนตัวเบาะจะถูกแบ่งเป็น 2 ชิ้นตรงกลาง ประหลาดดี เหมือนกับเบาะที่อยู่ในยานอวกาศที่เคยดูในหนังเลย เบาะคนขับปรับ 6 ทิศทางด้วยไฟฟ้า ส่วนฝั่งคนนั่นงปรับได้ 4 ทิศทางด้วยมือ เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 หุ้มหนังสังเคราะห์ทั้งคัน การออกแบบภายในแถวคอนโซลก็คล้ายกับบน H6 หรือ ORA Good Cat นั่นแหล่ะ ไม่ค่อยมีอะไรให้กดเท่าไหร่ เพราะพวกเอาไปยัดใส่ในหน้าจอหมด จะหลงเหลือก็แค่ปุ่มเปิด-ปิดแอร์, ไล่ฝ้า, ระบบช่วยจอด อะไรประมาณนี้ (เดี๋ยวมาว่ากันอีกที) ตัวหน้าจอก็เป็นระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว มาพร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง ใช้งาน Apple CarPlay ได้ ส่วนหน้าจอการขับขี่นั้นเป็นแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว มีหน้าจอ Head-up Display ไว้แสดงข้อมูลบนกระจกเพิ่มเติมได้ แอร์เป็นระบบปรับอากาศแยกซ้าย-ขวาอัตโนมัติ มีระบบกรองฝุ่น PM2.5 ได้ 

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

นอกจากนี้ Haval Jolion Hybrid SUV ยังมีการเปลี่ยนเกียร์ด้วยการหมุนปุ่มแบบ Electronic Shifter แทนการใช้ก้านเกียร์โยก มีปุ่มเบรกมือไฟฟ้ากับ Auto Hold อีก 2 ปุ่มเป็นอันจบ พวงมาลัยไฟฟ้าทรงกลมหุ้มหนังสังเคราะห์ ปรับระดับได้ 2 ทิศทาง มีปุ่ม Multi-Function เพื่อใช้ควบคุมพวกหน้าจอทั้ง 2 และระบบความปลอดภัย กระจกไฟฟ้า 4 บาน พร้อมระบบ One-Touchและระบบป้องกันการหนีบ กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ข้างหลังมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง มีช่อง USB ให้เสียบชาร์จไฟได้ หลังคาแบบ Panoramic Sunroof บานใหญ่ ด้านหน้าเปิดรับอากาศภายนอกได้ด้วยระบบไฟฟ้า และมีม่านปิดได้เพื่อบังแดดตลอดทั้งบาน มีแท่น Wireless Charger มาให้ด้วย

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

ส่วนระบบความปลอดภัยนั้นเพียบ ไล่กันแทบไม่หมดดังนี้

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่วงความเร็วที่กำหนดไว้โดยจะปรับลดความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าเพื่อความปลอดภัย รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า
  • การเข้าโค้งอัจฉริยะ เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ
  • ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถและช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวเฉียง และจอดเทียบข้าง
  • กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้อง 4 ตัว ที่มีความละเอียดคมชัด 4 Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศาจากมุมบน  เพื่อช่วยให้การขับขี่ในทุกสถานการณ์เป็นเรื่องง่าย
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) มาพร้อมระบบการตรวจจับรถยนต์, ผู้ขับขี่จักรยาน และคนเดินถนน ทั้งทางตรงและทางแยก โดยสามารถคำนวณระยะทางระหว่างรถยนต์, ผู้ขับขี่จักรยาน และคนเดินถนนได้แบบเรียลไทม์ มีสัญญาณเตือนด้วยเสียงและระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก และยังมีการเตือนการชนด้านหน้าและด้านหลัง โดยใช้เรดาร์ด้านหน้าและหลัง เพื่อพิจารณาระยะทาง ทิศทาง และความเร็วสัมพัทธ์ของรถคันอื่น (**ลูกค้าไม่เหยียบเบรคและไม่หักพวงมาลัย)
  • ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง โดยส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง และหยุดรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
  • ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาวหรือสูง ในระหว่างการขับผ่านทางด้านซ้ายหรือด้านขวา ระบบจะเบี่ยงเพื่อเพิ่มระยะห่างตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่กึ่งกลางของเลนเดิมอัตโนมัติ (** ทำงานร่วมกับ Lane Center Keeping)
  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง เพื่อปกป้องผู้โดยสาร เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในกรณีที่ถุงลมนิรภัยทำงาน ประตูจะถูกปลดล็อกโดยอัตโนมัติ และรถยนต์จะโทรติดต่อศูนย์ช่วยเหลือฉุกเฉิน พร้อมทั้งสามารถส่งตำแหน่งเพื่อขอความช่วยเหลือได้
  • ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) และ ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน (*ทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 60-150 km/hrs)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) แจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน (*ทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 60-150 km/hrs)
  • ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน (*ทำงานที่ความเร็วตั้งแต่ 60-150 km/hrs)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่รู้ตัว หรือเปิดไฟเลี้ยวและทำการเปลี่ยนเลนทันที โดยมีความเสี่ยงต่อการชนกับรถยนต์ที่ตามมาด้านหลัง ระบบจะทำการแจ้งเตือนและแทรกแซงการปรับพวงมาลัยแบบฉุกเฉินเพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือการเกิดอุบัติเหตุ
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) ช่วยแจ้งเตือนขณะที่มีรถอยู่ในมุมอับสายตา โดยจะมีไฟเตือนที่กระจกมองหลังด้านนอกในด้านที่ตรวจพบ
  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) หลังจากจอดรถยนต์แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยงต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์
  • ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
  • ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วเฉลี่ยเกิน 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อเนื่องมากกว่า 4 ชั่วโมง ระบบจะแจ้งเตือนและแนะนำให้หยุดพัก ระบบจะเตือนด้วยภาพและเสียงนาน 20 วินาที ทุกๆ 10 นาที

*ขออนุญาตลอกมาจาก Press Kit เพราะมันเยอะเหลือเกิน

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

ข้อมูลเบื้องต้นก็พอครบแล้ว เรามาเริ่มทำการเดินทางขับขี่เพื่อรีวิวกันเลยดีกว่าครับ ก่อนอื่นต้องขอออกตัวว่า รอบนี้เป็นการขับแบบกลุ่ม Group Test มีโอกาสได้ขับจริง ๆ แค่ประมาณ ร้อยกว่ากิโลเมตร ในเส้นทางที่ถูกจำกัดไว้ และนั่งข้างคนขับอีกร้อยกว่ากิโลเมตร อาจจะได้รายละเอียดที่มากเท่ากับนำมาทดสอบเองคนเดียว ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

เอาเรื่องการนั่งก่อน ก็ต้องยอมรับล่ะครับว่า Haval Jolion Hybrid SUV ถือเป็นรถที่มีขนาดใหญ่มากรุ่นหนึ่งในรถกลุ่มเดียวกัน เวลานั่งจะรู้สึกได้เลยว่ารถมัน “กว้าง” เอาเรื่อง รวมทั้งการออกแบบก็เน้นความ Minimal แบบสุด ๆ เพราะจะเหลือปุ่มให้กดได้เพียงแค่ไม่กี่ปุ่มเท่านั้น ทุกอย่างถูกเอาไปยัดที่หน้าจอเกือบทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้ผมเองก็ได้ให้ข้อแนะนำกับทาง GWM ไปแล้วตั้งแต่การทดสอบ ORA Good Cat รอบก่อนถึงรูปแบบการใช้งานที่มันดูจะ “ไม่โอเค” ในบางเรื่อง อย่างเช่นถ้าผมใช้งาน Google Maps ผ่านหน้าจออยู่ในระบบ Apple CarPlay แล้วผมอยากจะเปลี่ยนอุณหภูมิหรือลดแรงลมแอร์ ผมต้องทำการกดออกจากหน้า Maps แล้วเลื่อนไปกดที่ปุ่ม Haval จากนั้นก็กดปุ่มแอร์บนหน้าจออีกครั้งเพื่อทำการปรับแอร์ใหม่ ลองนึกดูว่าถ้านั่งขับอยู่คนเดียว จะต้องละสายตามากดปุ่มที่หน้าจอตั้งกี่รอบ ถึงจะเปลี่ยนได้ ปุ่มบนแผงคอนโซลดันมีให้กดเฉพาะไล่ฝ้า ซึ่งเป็นการใช้งานที่นานแสนนานถึงจะได้ใช้งานสักครั้ง แทนที่จะมีปุ่ม Shortcut บนแผงคอนโซล กดทีเดียวแล้วเรียกเมนูแอร์ขึ้นมาได้เลย แบบนี้จะสะดวกกว่าเยอะ แถมหน้าจอที่ใช้งานก็โคตรจะหน่วง กดไปแล้วบางทีต้องรอเป็น 10 วินาทีถึงจะเปลี่ยนหน้าให้ ยังไม่รวมระบบ Google Maps ที่แสดงผลไม่ทันกับความเป็นจริง ผมเลี้ยวรถไปแล้วประมาณ 3-400 เมตร รถในหน้าจอยังไม่เลี้ยวตามมาเลย แต่ทาง GWM เองก็บอกว่า ตัวนี้จะมีการอัพเดทให้ใช้งานได้ปกติก่อนส่งมอบให้ลูกค้าแน่นอน เชื่อใจได้ ต่อเนื่องจากเรื่องแอร์ ก็คือการควบคุมหน้าจอที่ไม่เปิดโอกาสให้คนนั่งได้ควบคุมได้ง่าย ๆ บ้างเลย   แค่จะเบาเสียงยังทำเองไม่ได้ แบบนี้แหล่ะครับที่ “ไม่โอเค”

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

สิ่งที่ต้องยอมรับคือ วัสดุที่ใช้งานภายในนั้น อยู่ในระดับที่ “ดีมาก” ยิ่งเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน ยิ่งดีมากขึ้นไปอีก จับไปตรงไหน ส่วนใหญ่เป็น Soft Touch ทั้งนั้น ให้สัมผัสที่ดีมากจริง ๆ พวงมาลัยก็จับกระชับ ให้ความสบายในการจับอย่างดีเลย และอีกอย่างที่ชอบคือหลังคา Panoramic ที่เพิ่มความโปร่งโล่งสบายให้การขับขี่ได้อย่างมากจริง ๆ

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

ทีนี้เรามาดูในส่วนของเครื่องยนต์กันบ้าง โดยถ้าดูตามสเปกของ Haval Jolion Hybrid SUV แล้ว แรงม้า 190 กับแรงบิด 375 นิวตันเมตร น่าจะเป็นรถที่ขับสนุกเอาเรื่องเลย ซึ่งถ้ามองเรื่องช่วงต้นกับกลาง ก็ถือว่าเป็นแบบนั้นเลย ถึงแม้ช่วงปลาย ที่เกิน 120 กม./ชม. ขึ้นไป อาจจดูเหนื่อยหน่อย แต่ก็เป็นเรื่องปกติของรถระบบ Hybrid อยู่แล้ว ที่ช่วงต้นเน้นใช้พลังการขับเคลื่อนมาจากมอเตอร์ไฟฟ้า แล้วช่วงปลายจะเน้นใช้กำลังจากเครื่องยนต์ ทำให้ช่วงต้นและกลางเป็นรถที่ขับสนุก บวกกับพวงมาลัยไฟฟ้าที่ให้ความแม่นยำในการใช้งาน เวลาหันพวงมาลัยมุดเข้าช่องก็เลยสนุก ไปได้ทุกรู มั่นใจมากจริง ๆ

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

สิ่งที่พบได้ในช่วงที่ได้ลองขับช้าบนทางโค้งเยอะในอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ผมรู้สึกได้ว่ารถมีอาการโยนพอสมควร โยนเยอะกว่า ORA Good Cat ประมาณหนึ่งเลย ไม่ได้หมายความว่ารถเข้าโค้งไม่ดีนะ แต่มันมีอาการโยนตัวที่ด้านท้ายมากไปหน่อยในช่วงความเร็วต่ำ แต่พอใช้งานในความเร็วสูง กับเจอน้อยลง เป็นไปได้ไหมว่าเวลาลทปะทะตัวรถเยอะแล้วระบบ Aero Dynamic มีการกดตัวรถลง หรือภาษา F1 ที่เรียกว่า Downforce นั้นเกิดขึ้น ทำให้รถมีอาการโยนตัวน้อยลง อันนี้ขอเก็บเอาไว้ในใจก่อน ถ้าได้เอามาลองแบบเดี่ยวจะลองใช้งานดูอีกที ส่วนความนุ่มนวล เวลาขับช้าจะรู้สึกว่า ช่วงล่างออกไปทางแข็งเล็กน้อย แต่ถ้าขับด้วยความเร็วระดับเกิน 80 กม./ชม.ขึ้นไป จะรู้สึกว่าพอดี

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

ระบบความปลอดภัยที่ให้มา เยอะมากจนล้น ใช้งานไม่ถูกเลย ที่ชอบที่สุดคงเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันกับระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนเช่นเคย ทำงานได้ดีมาก คอบควบคุมความเร็วได้ประดุจเราจัดการเบรกและเร่งรถด้วยตัวเอง นุ่มนวลตลอดทาง และยังคอยควบคุมพวงมาลัยเมื่อเจอทางโค้งให้อีกด้วย เจ๋งมาก เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการชะลอความเร็วให้เมื่อเราเจอทางโค้งตอนที่เราใช้งานระบบ ACC ได้อีกด้วย เพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นไปอีก

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

อีกเรื่องที่ติดอยู่ในใจเล็กน้อย ก็คือเรื่องการเก็บเสียง (อีกแล้ว) รู้สึกได้เลยว่าดังขึ้นมาจากพื้นเยอะไปหน่อย และยังสัมผัสเสียงลมที่ร่องกระจกได้อีก อาการคล้ายกับบน ORA Good Cat เลย ถ้าปรับปรุงเรื่องนี้ได้ ก็จะดีขึ้นอีกเยอะเลย

Haval Jolion Hybrid SUV

มาดูอัตราเร่ง 0-100 ดีกว่า ว่า Haval Jolion Hybrid SUV จะทำอัตราเร่งได้เท่าไหร่ เหมือนเดิมครับ ผมจะใช้แอพ iBolid 0-100 บน iPhone 11 ในการจับเวลา ทดสอบรวม 3 ครั้งได้ดังนี้ครับ

ครั้งที่ 1 - 10.15 วินาที

ครั้งที่ 2 - 10.00 วินาที

ครั้งที่ 3 - 10.77 วินาที

เฉลี่ย - 10.30 วินาที

รถไซส์นี้ในระบบ Hybrid ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ระดับ 10 วินาที ผมถือว่าเป็นอัตราที่ดีพอตัวเลยครับ อย่างที่บอกว่าอัตราเร่งช่วงแรกจะดีมาก แต่มันจะเริ่มแผ่วในช่วงใกล้ถึง100 ถ้ากดต่อไป พอเริ่มพ้น 120 ก็จะเหี่ยวแล้ว กว่าจะถึง 150 ได้ก็เหนื่อยเอาเรื่อง ต้องเข้าใจว่าเครื่องยนต์ไม่ได้มีกำลังมากอะไรขนาดนั้น และเครื่องยนต์ก็ต้องแบ่งกำลังเข้าไปปั่นไฟเพื่อจ่ายให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าด้วย แต่เอาเข้าจริงขอถามหน่อยว่าเราจะกดมิดกันแบบที่เราทดสอบนี้ได้บ่อยขนาดไหน เอาเป็นว่ากดออกไฟแดงแล้วไม่ดมฝุ่นใครง่าย ๆ ก็น่าจะพอแล้วครับ

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

สรุปสุดท้ายในการใช้งาน Haval Jolion Hybrid SUV ในรุ่นย่อย Ultra ในระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร พอจะสรุปเบื้องต้นความชอบหรือไม่ชอบได้ประมาณนี้ครับ

ชอบ

  • วัสดุที่ใช้งานดี จับไปตรงไหนก็ให้ความนวลมือ เจอแต่ส่วนที่เป็น Soft touch เยอะเลย
  • แรงต้นดี ขับสนุก ถ้าใช้ในเมืองน่าจะสนุกเช่นกัน
  • พวงมาลัยน้ำหนักดี ปรับได้ คม แต่ถ้าปรับได้ตามความเร็วอัตโนมัติจะดีกว่านี้
  • ระบบความปลอดภัยให้มาแบบไม่มีกั๊ก

ไม่ชอบ 

  • ช่วงล่างช่วงความเร็วไม่มาก เหมือนท้ายจะโยนมากไปนิด
  • หน้าจอควบคุมการใช้งาน น่าจะเข้าถึงการปรับแอร์ได้ง่ายกว่านี้

Haval Jolion Hybrid SUV

Haval Jolion Hybrid SUV

แต่หลังจากการประกาศราคาของ Haval Jolion Hybrid SUV ที่ราคาเริ่มต้น 879,000 - 999,000 บาท ก็ทำเอาตลาดต้องสะเทือนทันที เพราะถ้ามองข้าง ๆ ไปที่คู่แข่งที่เป็นขนาดเดียวกันและเป็นตัว Hybrid เหมือนกัน แค่ตัวเริ่มต้นก็พอที่จะซื้อรถใหม่รุ่นท็อปของ Haval Jolion Hybrid SUV ได้แล้ว ถ้าตัดเรื่องจุกจิกออกไป พวกราคาขายต่อ, ศูนย์บริการที่ยังน้อย ถือว่ารถใหม่คันนี้ก็น่าสนใจเป็นอย่างมาก ถ้าคุณเป็นคนเริ่มต้นชีวิตการทำงาน หรือเริ่มต้นครอบครัวใหม่ แล้วต้องการหารถสักคันที่จะพาครอบครัวไปไหนมาไหนได้อย่างสบาย ผมว่ารถคันนี้ กับราคาขนาดนี้ ถือว่าตอบโจทย์ได้อย่างมากจริง ๆ ครับ

Haval Jolion Hybrid SUV

ทดสอบและเรียบเรียงโดย EARTHPARK02

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ