Full Drive : Chevrolet Cruze E85 สมรรถนะเกินคาดประหยัดเกินคุ้ม

  • โดย : Autodeft
  • 24 ต.ค. 56
  • 21,359 อ่าน

อีกครั้งกับการทดสอบรถยนต์ซีดานสไตล์จากแดนตะวันตก Chevrolet Cruze E85 สมรรถนะจะเป็นอย่างไรติดตามอ่านได้เลย

 

            รถคันหนึ่งจะมีอะไรดี...มากมาย คำถามนี้เป็นสิ่งที่เราคอยตั้งโจทย์ไว้เสมอทุกครั้ง ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่รถคันใหม่สักครั้ง ซึ่งหลายครั้งความใหม่หมดจด อาจจะเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด แต่หายครั้งการพัฒนาแบบเดียวกันก็สามารถหาได้ในรุ่นปรับโฉมอัพเดทเรือนร่างได้บ้าง

                ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เชื่อได้เลยว่า Chevrolet Cruze  ตกเป็นเป้าทางสังคม ในแง่ของปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่า Chevrolet Cruze  เป็นดั่งรถธงของค่ายโบว์ไทน์ หลังจากเริ่มก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนพอทในช่วงปลายปี  2010 และในปีนี้ก็กลับมาอีกครั้งฉลองวาระ 3  ปีการทำตลาดด้วยรุ่นอัพเดทใหม่ ที่เพิ่มออพชั่นและความแปลกตามากขึ้นจากเดิม

Chevrolet Cruze 1.8 LTZ

 

เรือนร่างหรูที่ดูทันสมัย

 

                ความจริงแล้วก่อนมาทำงานที่ Autodeft กาลครั้งหนึ่งผมเคยอยู่หน้ายานยนต์ที่เว็บใหญ่เบอร์ 1  ระดับประเทศ และในช่วงนั้นต้องยอมรับว่ารถยนต์คันหนึ่งที่สร้างความประทับใจอย่างมากก็เป็น Chevrolet Cruze  ที่ทำให้เรารู้ว่า Chevrolet มีความตั้งใจจริงในการทำตลาด และในตอนนี้ความประทับใจในหลายๆด้านยังคงฝังลึก จึงไม่ปฏิเสธ ถ้าคุณผู้อ่านอาจจะรู้สึกว่า บททดสอบนี้จะดูเอียงไปบ้างนิดหน่อย

                ตั้งแต่ครั้งกาลก่อนที่เคยได้ขับ ต้องยอมรับว่าในแง่หนึ่งที่ Chevrolet Cruze  ทำให้คนจำนวนมากยอมควักกระเป๋าจ่ายเงินซื้อได้ ส่วนสำคัญเลยมากจากการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร ในรถกลุ่มคอมแพ็คคาร์ด้วยกันเราอาจจะเห็นคำว่า สปอร์ต ไม่ก็คุ้มค่าน่าซื้อ หรือจะเอาแบบทันสมัยก็มีมากมาย

Chevrolet Cruze 1.8 LTZ

                แต่ที่น้อยที่สุดและมักถูกตัดออกไปในการเข้ามาทำตลาดและดันไปอยู่ในรถยนต์ที่ใหญ่กว่าก็เป็น “ความหรูหรา” ทั้งที่สามารถเติมแต่เข้ามาได้ และ  Chevrolet  ก็มองถึงสูญญากาศตรงนี้ จึงได้ส่ง  Cruze  เข้ามาวางจำหน่ายในคราบซีดานที่มีความหรูหรา จึงจับใจใครหลายคนที่มองหาอะไรที่แตกต่างจากเดิม

                ในเวอร์ชั่นปรับโฉมเล็ก Chevrolet Cruze ยังคงมาพร้อมกับเรือนร่างเดิมที่สืบทอดมาตั้งแต่ในรุ่นที่แล้ว ด้วยความยาวตลอดรอบคัน 4,600 ม.ม. กว้าง 1,790 ม.ม. และสูง 1,475  ม.ม. ทั้งยังให้การขับขี่ที่มาดมั่นผ่านชุดฐานล้อยาว 2,685  ม.ม.

                เรือนร่างเดิมแต่ในครั้งนี้มันถูกปรับปรุงใหม่ให้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบที่สง่างามมากขึ้น ซึ่งเดิมทีChevrolet Cruze  เน้นความเป็นรถยนต์นั่งที่มีลงตัวทางด้านความหรูหราอย่างถึงที่สุดจนลูกค้าบางคนที่มองรถยนต์คอมแพ็คคาร์ ซึ่งโดยมากคนกลุ่มนี้ก็มักจะวัยสามสิบกลางๆ บ้างถึงกับบอกว่าดูจะแก่ไปประดุจอาเสี่ยออกรถมาใหม่ ก็เลยเมินหน้ากลับไปเล่นรถที่มีความสปอร์ตมากกว่า

Chevrolet Cruze 1.8 LTZ

                ส่งผลให้ในครั้งนี้ Chevrolet  เดินหน้ากลับมาลังจากทำการบ้านมาอย่างหนัก ปรับ Chevrolet Cruze  ไม่ให้ตรงใจโดนกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ด้วยกระจังหน้าแบบใหม่สไตล์  Honey Comb  ที่ดูสปอร์ตเตะตามากกว่ารุ่นเดิม สอดรับเข้ากับกันชนหน้าใหม่ที่มีสไตล์ความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น มองแล้วลงตัวเข้ากันดี แต่ก็ยังคงไฟท้ายเดิม

                เส้นสายการออกแบบตลอดรอบคันยังคงเดิม ยิ่งไปกว่านั้น Chevrolet Cruze  ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงบั้นท้ายเลย เว้นแต่กันชนหลังที่เอาสไตล์แบบกระชนหน้ามาใช้ เพื่อให้เส้นสายที่กลมกลืนกันมากขึ้น แล้วจัดการสวมล้ออัลลอยลายใหม่ที่มีตั้งแต่ขอบ 16 และ  17 นิ้ว จัดมาเป็นมาตรฐาน ทำให้ในภาพรวมของ Chevrolet Cruze  ยังไม่เปลี่ยนแปลงมากมายอะไรนักอย่างที่คิด

 

คงความทันสมัย แต่แอบแก่เล็กน้อย

                เมื่อเปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสารระบบกุญแจ Smart Entry   เข้าออกได้ง่ายเพียงสัมผัสเท่านั้น รถยนต์ Chevrolet Cruze ใหม่ก็แนะนำตัวเองภายใต้ความทันสมัยที่ดูเร้าใจเตะตาอยู่แล้วจากรุ่นเดิม

                การออกแบบห้องโดยสารแบบ Dual Cockpit  ยังกลับมาอีกครั้งในรุ่นนี้ ซึ่งส่วนผสมนี้ลงตัวในการช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิแยกจากตุ๊กตาหน้ารถที่อาจทำอะไรๆไม่สะดวกนัก นอกจากจะเพียงได้ขอมือเธอหน่อย ซึ่งรายละเอียดที่เราเคยพบเจอในรุ่นที่แล้วยังมาพร้อมเพรียงครบหน้า

Chevrolet Cruze 1.8 LTZ

                ตั้งแต่พวงมาลัยมัลติฟังชั่นสามก้านมาพร้อมระบบควบคุมเครื่องเสียง และตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ  Cruise Control  ใช้ได้ง่ายกดแวบเดียวที่ปลายนิ้ว ตรงหน้าเรือนไมล์สไตล์สปอร์ต ดูเข้าท่ามากขึ้น เมื่อหวนลำลึกถึงภายนอกที่มาในคราบความสปอร์ตที่มีเสน่ห์ให้กลิ่นอายจากรถรุ่นพี่ ทั้งยังมีปุ่มสตาร์ท พร้อมหน้าจอแสดงผลบอกข้อมูลต่างๆที่อยากรู้ จัดวางไว้ตรงกลางคอนโซลหน้า ต่ำลงมาเป็นระบบเครื่องเสียง ซึ่งยังคงใช้ชุดเดิมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร และคันเกียร์ที่คุ้นหน้าตาเป็นอย่างดี ที่ยังคงความล้ำด้วยระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และระบบปิดเปิดไฟหนอัตโนมัติไว้ครบถ้วน

                รายละเอียดเดียวที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปสัมผัสได้ตั้งแต่เริ่มหย่อนตัวลงนั่งบนเบาะที่มีการปรับชุดหนังใหม่ ที่ยังคงความสบายในการโดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลังเช่นเดิม ยิ่งใน Chevrolet Cruze 1.8 LTZ  เป็นรุ่นขายหลัก ที่มีการปรับโทนสีในห้องโดยสารใหม่ จากเดิมทูโทนสีเทาเข้มจัดกับสีส้ม แต่ครั้งนี้ มันถูกปรับเป็นสีเทารับกับสีน้ำตาล ทำให้ห้องโดยสารดูกลืนกันไปเลยหากมองผิวเผิน และยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ค่อยลงตัว ยิ่งเนื่องภายนอกพยายามลดอายุของรถให้ดูวัยรุ่นมากขึ้น แต่ภายในกลับดูเหมาะกับคนสักอายุ 40 ปีขึ้นไป ก็คงต้องบอกตามตรงว่ามันทำให้เราประหลาดใจเล็กน้อย

Chevrolet Cruze 1.8 LTZ

                ยิ่งถ้ามองว่ามันเป็นรถยนต์ที่ใครก็สามารถหาซื้อได้การทำภายในเป็นสีน้ำตาลไหม้ คงจะซื้อใจได้เฉพาะคนที่ชอบความหรูหราเป็นที่ตั้ง แต่ถ้ามองในแง่ของการออกแบบโดยรวมที่พยายามเหลือเกินในการเพิ่มความสปอร์ตเข้ามาโดยตลอด มันก็แลดูจะยังไม่ลงอย่างที่เราอยากจะเห็น แม้จะยอมรับว่าโทนสีทูโทนส้มเดิมจะดูแจ๋นไปหน่อยกับรถซีดานคอมแพ็คสไตล์หรู แต่งวดนี้ถ้าจะสปอร์ตกันเต็มคราบก็ควรจะใช้สีเดิมก็น่าจะลงตัว

 

เครื่องยนต์มาดมั่น ลองสมรรถนะ  E85

                จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ ในการกลับมาอีครั้งของ  Chevrolet Cruze  ใหม่ที่ทำให้หลายคนเหลียวมามองตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ก็เป็นเรื่องของเครื่องยนต์ที่สามารถใช้พลังงานทางเลือก  E85  ได้แล้ว หลังคู่แข่งในตลาดสู้ฟัดในเรื่องพลังงานทางเลือกตั้งแต่ปีกลาย โดยเฉพาะเจ้าตลาดต่างพัฒนารถให้ตอบโจทย์ได้มากขึ้น ตามภาวะราคาน้ำมันแพง

                เครื่องยนต์   4  สูบ แถวเรียงขนาด  1.8  ลิตร Ecotec ให้กำลังสูงสุด 171 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที และ ทำแรงบิดสูงสุดที่ 177 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาที ได้รับการปรับปรุงให้มีสมรรถนะในภาพรวมของการขับขี่ที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งการทำให้มันสามารถใช้น้ำมัน  E85  ได้ นั้น ต้องพึ่งการปรับปรุงด้านการวิศวกรรมในหลายภาคส่วนเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของท่อยาง โอริง ถังน้ำมัน รวมถึงชุดปั้มเชื้อเพลิง ที่ต้องปรับปรุงให้ทนการกัดกร่อนของน้ำมัน  E85  

Chevrolet Cruze 1.8 LTZ

                หลายคนอาจจะเคยเห็นพวกกล่องคอมพิวเตอร์ที่บอกว่าติดแล้วใช้ได้ทันที ประหยัดในระยะยาวราคาก็ไม่แพงนักกล่องละไม่เกินหมื่นบาท ซึ่งในแง่หนึ่งเครื่องยนต์จะสามารถรับได้ในการสั่งจ่ายน้ำมันที่มากขึ้น แต่เอาเข้าจริง การันตีได้เลยว่าในระยะยาว จะต้องมีอะไรตามมาถ้าไม่ได้มีการปรับอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตั้งแต่แรก

                ด้วยเหตุนี้เองสมรรถนะที่เราสนใจจึงค่อนข้างมุ่งเน้นไปที่พลังงานทางเลือก  E85  มากกว่า ซึ่งจะว่าหาเติมก็ค่อนข้างยาก จึงโทรไปรบกวนไหว้!!!! วาน!!! พีอาร์ค่ายเชฟวี่กัน ช่วยอนุเคราะห์เติม E85  มาให้ได้ลองของกันเสียหน่อย เพราะ ไหนๆจะใช้ E85  ได้แล้ว ถ้าไม่เติมน้ำมัน  E85  ทดสอบก็คงจะไม่ได้ความสามารถใหม่

                เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ ทุกอย่างยังคงความเป็น Chevrolet Cruze  เช่นเดิม อีกครั้งที่เราวนลงจากอาคารรสา ที่เก่าเวลาเดิมเหมือนจุดนัดพบของการรับรถเชฟวี่ ซึ่งอาการตอบสนองพวงมาลัยยังคงดีเหมือนเดิม เบาสบายขับได้ทั้งชายและหญิงมีความคมพอตัวอาจจะไม่ได้แม่นแบบจับวาง แถมแอบฟรีเล็กๆ เพิ่มเสน่ห์ความหรูให้ รู้สึกนึกคิดเผื่อใจว่าคุณจะไปทางนั้นแน่หรือ

                หลังจากโผล่ถนนพหลโยธิน การทดสอบในเมืองของเรากับ  Chevrolet Cruze  E85  ฉบับตะลุยในเป่าคอนกรีตก็เริ่มต้นขึ้น ถนนในวันทดสอบนี้การจราจรถือว่าไม่หนาแน่น ด้วยเทวดาไม่เป็นใจฉี่ลงมาจากฝากฟ้า ถ้ายังจำกันได้ ช่วงเดือนก่อนฝนกระหน่ำแทบทุกวันไม่ลืมหูลืมตาแทบทุกวัน ชนิดที่เปลี่ยนเมืองไทยกลายเป็นลอนดอน ...ต้องออกเสียงกระแดะหน่อยๆว่า ลึนดึน ... (อันนี้อาจารย์ภาษาอังกฤษของผมสอนมา)

Chevrolet Cruze 1.8 LTZ

                เมื่อแล่นบนถนนจริง ถ้าไม่บอกว่านี่เป็นน้ำมัน E85  เชื่อได้เลยว่าทุกคนต้องคิดว่าเป็นน้ำมัน  เบนซิน 95 ความรู้สึกในอัตราเร่งที่เร้าใจพอควร จนแอบสงสัยว่าสรุปได้เติมมาให้จริงหรือเปล่า ซึ่งก่อนออกรถผมคว้าคู่มือมาดูแล้วพบว่ามีการระบุไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับน้ำมัน   E85  ในคู่มือรถ Chevrolet Cruze  ใหม่ว่า

ตามการทดสอบในโหมด   UN ECE R101 REV.1 Chevrolet Cruze 2013  นี้ จะมีอัตราประหยัดน้ำมันโดยเฉลี่ยที่ 8.39 ลิตร/100 ก.ม. (11.9 กิโลเมตร/ลิตร) เมื่อใช้น้ำมันพลังงานเบนซินธรรมดา (น่าจะหมายถึง 91…ตามความเข้าใจของผู้เขียน)  เป็นอัตราประหยัดในเมือง 11.8 ลิตร/ 100 กิโลเมตร(8.47 ก.ม./ลิตร)  และนอกเมืองทำได้ 6.43 ลิตร/ 100 ก.ม. (15.5 ก.ม./ลิตร) แต่เมื่อเติม E85  กลับมีอัตราประหยัดเฉลี่ยที่ดีกว่าอย่างชัดเจน ที่  6.09 ลิตร/100 กิโลเมตร (16.4 ก.ม./ลิตร)โดยในเมืองทำได้  11.01 ลิตร/100 กิโลเมตร (9.08 ก.ม./ลิตร) และ นอกเมืองทำได้ดีที่ 6.07 ลิตร/100 กิโลเมตร  (16.47 ก.ม./ลิตร)

Chevrolet Cruze 1.8 LTZ

ตัวเลขที่พอจะอ้างอิงได้นี้ เราก็ใคร่อยากรู้ว่าถ้าเป็นในสภาวะจริงจะอยู่ที่เท่าไรกันแน่  ยิ่งเมืองไทยประเทศรถติดอันดับ 1  ของโลกด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการรับรองอัตราประหยัดได้เป็นอย่างดี

ขับแบบ เร่งๆ เบรกอยู่ชั่วโมงกว่านสภาพการจราจรสุดหินวันศุกร์ฝนตกรถติด ในที่สุดเราก็ฝ่าจราจรนรกเมิงกรุงมาได้ในท้ายที่สุด สิ่งที่สังเกตได้บ่อยมากคือถ้าคุณเร่งแรงน้ำมันจะหายตัวได้ แต่ขีดน้ำมันจะถูกดันกลับมาในภายหลัง ซึ่งหมายถึงมีการคืนถังในจำนวนพอสมควร และหมายถึง Chevrolet Cruze  มีการตั้งอัตรายกหัวฉีดมาก ซึ่งสำหรับคนที่ไม่รู้ตะบันกดคันเร่งแล้วจิกเบรกรับรองว่ามีอัตราประหยัดแย่อย่างแน่นอน

เนื่องจากการวัดนี้เราอิงตามการทดสอบของตัวรถเองเพื่อให้ผิดพลาดน้อยที่สุดจึงใช้การจับอัตราประหยัดแบบร่นหมดถังหรือ Tank out  ซึ่ง หลังจากขับมาชั่วโมงกว่า เป็นที่น่ายินดีมากว่า แม้สภาพฝนตกหนักหน่วง การจราจรสุดสาหัส ตัวเลขอัตราประหยัดเฉลี่ย 9.2 กิโลเมตร/ลิตรยังมีให้เห็น การันตีความประหยัดจากน้ำมัน  E85

 

นอกเมืองเยี่ยมยุทธ สมรรถนะที่เร้าใจได้

                หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมตัวเลขประหยัดน้ำมัน  85  ในเมืองได้ค่อนข้างน้อยจัง เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อตอนไปเยี่ยมโรงงาน E85  ผู้เขียนได้ความรู้มาประดับบารมีว่า การใช้น้ำมัน  E85  แม้จะมีราคาถูกกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ทั่วไปมาก แต่จะมีอัตราบริโภคมากกว่าราวๆ  25-30% เนื่องจากจะต้องมีการจ่ายน้ำมันมากขึ้น แต่เมื่อถัวในภาพรวมก็ยังทำให้คุณสบายกระเป๋าอยู่ดี

                ตัวเลขในเมืองที่ทำออกมาได้ดีกว่าที่คาดพอสมควร และนั่นเริ่มทำให้เราอยากเห็นสมรรถนะ  Chevrolet Cruze นอกเมือง ซึ่งด้วยอากาศที่ไม่อำนวยมากเรียกว่านั่งดูพยากรณอากาศชั่วโมงต่อชั่วโมง เลยทำให้สามารถขับไปได้แค่อยุธยา ซึ่งห่างออกไปไม่มากมายนัก แต่ก็พอจะบอกได้ในเรื่องอัตราประหยัดครับ

                เมื่อออกมามานอกเมือง สัมผัส  Chevrolet Cruze  ยังให้อารมณ์ความเป็นรถยนต์นั่งสุดหรูคงไว้เช่นเดิม ช่วงล่างดูแน่นมากขึ้นเล็กน้อย แต่ที่โดนใจสุดคงเป็นฟีลลิ่งการขับขี่ที่สปอร์ตมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดเจน

Chevrolet Cruze 1.8 LTZ

                ส่วนหนึ่ง  Chevrolet Cruze  ใหม่มีการเปลี่ยนชุดระบบส่งกำลังใหม่ไปเป็นระบบส่งกำลังอัตโนมัติ 6  สปีดเจนเนอร์ชั่นที่  2  ซึ่งลดความหยาบกระด้างลงพอสมควร ตามที่มีข้อมูลชิ้นส่วนประกอบเกียร์ โดยเฉพาะ พวกโซลินอยด์ วาล์ว ท่อทางเดิน รวมถึงตัว  torque Converter เอง มีการปรับยกเครื่องใหม่หมด ยิ่งจะเจ้าตัว Torque Converter  นั้นเปลี่ยนมาใช้คลัทช์หลายแผ่นซ้อนในตัวมัน ทำให้จับกำลังได้ดีขึ้นและนุ่มนวลขึ้นในการขับขี่

                ความรู้สึกของชุดเกียร์ใหม่ล่าสุดของค่ายโบว์ไทน์นี้  เน้นที่ความนิ่มนวลอย่างมาก จนกล้าที่จะพูดว่ามันดีพอที่จะเคียงบ่าเคียงไหล่ระบบเกียร์แบบ CVT  ด้วยส่วนหนึ่งการกระตุกที่น้อยมาก ยิ่งเทียบกับรุ่นเดิมก่อนหน้านี้ ที่กระชากกันแบบหัวสะบัด อย่างกับร็อคแอนด์โรลล์ โดยเฉพาะอีตอนคิกดาวน์

                ยิ่งความรู้สึกในตอนที่เหยียบคันเร่งลงไปรถดูมีความหนุ่มมากขึ้น ในความจี๊ดจ๊าดของการเร่งที่ดูมีความเบามากขึ้นเร่งได้เร็วขึ้นทันใจมากขึ้น  เสียดายที่ไม่มีสถิติเวลาเร่ง แต่เดิมที Chevrolet Cruze  จะมาในสไตล์หรูแบบไม่รีบร้อนรถเร่งได้ดีเช่นกัน แต่จะดีที่รอบกลางแล้ว ทำให้ฟีลลิ่งรถดูหนักๆ ไปแบบหน่วงๆ แต่ไปได้ ทว่าสำหรับคนที่ในเป็นวัยรุ่นจะรู้สึกไม่มั่นใจ และการกดคันเร่งมิดยังทำให้มีอัตราประหยัดน้ำมันไม่สู้ดีอย่างที่ควรจะเป็น

Chevrolet Cruze 1.8 LTZ

                นอกจากการปรับชุดอุปกรณ์ควบในตัวเกียร์แล้ว  Chevrolet Cruze  ใหม่ยังปรับอัตราทดเกียร์ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 2011  Chevrolet  อเมริกา เคยเผยว่าพวกเขามีแนวคิดที่จะปรับอัตราทดใหม่ให้เหมาะสมในความเป็น Chevrolet Cruze  มากยิ่งขึ้นด้วย

               

            ตารางแสดงอัตราทดเกียร์ระหว่าง MY 2011 Chevrolet Cruze และ  MY 2013  Chevrolet Cruze        

 

 Chevrolet Cruze 2011

Chevrolet Cruze 2013

เกียร์  1

4.449

4.584

เกียร์  2

2.908

2.964

เกียร์  3

1.893

1.912

เกียร์  4

1.446

1.446

เกียร์  5

1.000

1.000

เกียร์  6

0.742

0.746

เกียร์ถอยหลัง

2.871

2.940

อัตราทดเฟืองท้าย

3.722

3.870

 

                เมื่อมองถึงแก่นในการพัฒนาเกียร์แล้ว คงพอจะสามารถตอบได้ว่า เกียร์อัตโนมัติ 6  สปีด เจนเนอร์ชั่นที่ 2  มีการยกเซทใหม่ทั้งยวง โดยมุ่งเน้นในอัตราเร่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งสามารถสัมผัสได้ชัดเจนในการขับขี่ ที่กำลังมุ่งหน้าสู่อโยธยา โดยตัวรถเองเน้นการขับขี่ที่เด่นในเรื่องสมรรนถะมากขึ้น สลัดคราบความหรูทิ้งไปจากเดิมเสียสนิท ออกแนวจะเป็นสปอร์ตด้วยซ้ำ

                แถมยิ่งเร้าใจมากขึ้นในการเลือกเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เองในโหมด Driver Shift Control  หรือ DSC  ซึ่งสามารถตึงเกียร์เองได้ เร่งได้อย่างเร้าใจสุดเหวี่ยง ทำให้ในภาพรวมบอกได้เลยว่า Chevrolet Cruze ไมเนอร์เชนจ์ไม่ได้เป็นตัวหรูเหมือนอย่างที่เคย แต่กลืนด้วยความเร้าใจในอารมณ์สปอร์ตมากกว่าเดิม

Chevrolet Cruze 1.8 LTZ

                เหร่มองอัตราประหยัดน้ำมัน เราถึงที่หมายปลายทางทุ่งทะขามหย่อม ด้วยอัตราประหยัดเฉลี่ยบนหน้าปัด  14.6 ก.ม./ลิตร จากการขับขี่โดยเฉลี่ยที่ความเร็ว   100-120  ก.ม./ช.ม. ซึ่งที่ความเร็ว  90 ก.ม./ช.ม. จะใช้รอบเครื่องยนต์ที่ 2,000 รอบต่อนาที และเมื่อกระทืบไปยัง 120 ก.ม./ช.ม. จะทำรอบที่  2,600 รอบต่อนาที ถือว่าไม่สูงอย่างคิดนัก ส่วนความเร็วสูงสุดก็เฉกเช่นเดิมที่ 184 ก.ม./ช.ม.  ด้วยการล็อคกล่องมาจากโรงงาน

                อีกความประทับใจหนึ่งในการขับขี่ด้วยความเร็วใน Chevrolet Cruze  คงต้องยกให้ระบบกันสะเทือนแบบ Euro Ride  ที่วางใจได้ในทุกสภาพถนนจริง ด้วยการเซทช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมก็ยังมั่นใจได้เหมือนเดิม แม้จะต้องฝ่าสายฝนที่ตกกระหน่ำกลับก็ กทม. ก็ตามที

                รวมถึงยังมั่นใจในการควบคุมระบบความปลอดภัยต่างๆที่ช่วยในการขับขี่บนสภาวะที่ยากที่สุด  ทั้งระบบควบคุมการทรงตัว  ESP  รวมถึงระบบป้องกันล้อหมุนฟรี  TCS ซึ่งในสภาวะลื้นปรื้ด!!!! เช่นนี้ ก็ได้ใช้ระบบเบรก ABS  กระจายแรงเบรก EBD  อยู่เนืองๆ จึงพอจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า Chevrolet Cruze  คือรถที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะในการขับขี่

 

สรุป ..จะซื้อก็ตรงสมรรถนะ..และความประหยัดจาก E85

 

                หากมองในภาพรวม Chevrolet Cruze  ใหม่ คือความใหม่อย่างแท้จริงในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ ที่ยิ่งขับยิ่งชม ยิ่งในสภาวะที่แย่ต่อการขับขี่ที่สุดจะยิ่งเห็นคุณค่าในสมรรถนะมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ยังไม่โดนใจ คงเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่มีน้อยไปหน่อย ดูไม่หวือหวามากมายนักสมความเป็นรถรุ่น  Minorchange  อย่างที่ควรจะเป็น ยิ่งเทียบกับรถ Chevroelt Captiva ไมเนอร์เชนจ์ของค่ายที่ออกมาก่อนหน้านี้ แล้วทำให้คนจองซื้อเป็นจำนวนมาก

                รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเอง เหมือนทีมออกแบบภายนอก-ภายในเองไม่สามัคคีกัน ภายนอกรถออกมาเป็นสปอร์ต ฟีลลิ่งเครื่องยนต์และชุดเกียร์ก็สปอร์ต แต่ภายในทูโทนในตัว  LTZ  กลับเป็นสีที่ดูแล้วหรูหรา ไม่กลมกลืนกัน ซึ่งพูดกันตามตรงภายในโทนดำน้ำเงินในตัว LT  กลับดูลงตัวกว่ารุ่นท๊อปสุด  LTZ  ที่เป็นเทาดำ-น้ำตาล ซึ่งบอกกันตามตรงว่าถ้าจะใช้โทนสีมืดเหมือนกัน ทำสีภายในห้องโดยสารคนเลือกระหว่างดำ หรือเบจ ง่ายกว่าทั้งยังซื้อใจลูกค้าได้มากกว่านะ

                แม้จะมีจุดที่ขอติเล็กน้อย แต่โดยรวม Chevrolet Cruze  ใหม่ ก็ยังน่าซื้ออยู่ดีด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เยี่ยมมากขึ้น และบวกความประหยัดที่สามารถเติม E85  ได้ ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าคุณอีกได้มากโข ..ทำไมมันจะไม่น่าโดน ถ้าชอบความทันสมัย สปอร์ต และยังดูดีในยามขับเคลื่อน

 

เรื่อง ภาพ และขับทดสอบ โดย Bonn ณัฐยศ ชูบรรจง

พูดคุย ติดต่อผู้ทดสอบได้ทางสื่อสังคมออนไลน์ Facebook

ขอบคุณ บริษัท เชฟโรเลต เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ทีเอื้อเฟื้อรถทดสอบ  Chevrolet Cruze  1.8 E85  ในครั้งนี้

นำเสนอครั้งแรกบนเว็บไซต์ Autodeft.com  มิควรนำไปใช้เผยแพร่ต่อก่อนได้รับอนุญาตจากทั้งทางผู้เขียนและเว็บไซต์

 

ผลการทดสอบรถยนต์  Chevrolet Cruze  1.8  E85

 

รถยนต์  Chevrolet Cruze  1.8 LTZ

ราคาจำหน่าย 998,000 บาท

รายงานการทำงานของเครื่องยนต์

ความเร็ว (ก.ม./ช.ม.)

รอบเครื่องยนต์ที่เกียร์  6  (รอบต่อนาที)

80

1800

90

2000

100

2200

110

2400

120

2600

 

ความเร็วสูงสุดในขณะทดสอบ   184  ก.ม./ช.ม.

หมายเหตุ ล็อคด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์จากโรงงาน

 

อัตราประหยัด จากการทดสอบ

อัตราประหยัดเป็นการทดสอบในสภาวะจริงไม่กำหนดเส้นทางด้วยน้ำมัน E85

ในเมือง 9.2 กิโลเมตร/ลิตร

นอกเมือง   14.6  ก.ม/ลิตร

อัตราประหยัดเฉลี่ย  13.5 ก.ม./ลิตร

 

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

[GALLERY56]

5 เรื่องน่าสนใจ