Lamborghini เปิดตัว Temerario GT3 ซูเปอร์คาร์ตัวแข่งใหม่ล่าสุด ปราศจากระบบไฮบริด

ในงาน Goodwood Festival of Speed ครั้งล่าสุด Lamborghini ได้เปิดตัว Temerario GT3 รถแข่งเวอร์ชันสนามของซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ที่มาแทน Huracán โดยวางกำหนดเปิดตัวในสนามแข่งขันจริงที่รายการ 12 Hours of Sebring ช่วงเดือนมีนาคม ปี 2026
รถรุ่นนี้ถือเป็นรถแข่งคันแรกที่พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานของ Temerario รุ่นถนน และยังเป็นคันแรกที่ออกแบบและผลิตขึ้นทั้งหมดที่โรงงานของ Lamborghini ในเมือง Sant’Agata Bolognese ประเทศอิตาลี ซึ่งหมายความว่าการออกแบบเพื่อการแข่งขันถูกวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นของโปรเจกต์

ภายนอกของ Temerario GT3 ใช้โครงสร้างตัวถังจากวัสดุคาร์บอนคอมโพสิต ออกแบบร่วมกันโดยทีม Squadra Corse และ Lamborghini Centro Stile รูปร่างโดยรวมใกล้เคียงกับรุ่นถนน แต่มีการปรับปรุงเพื่อประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ ความเสถียร และระบบระบายความร้อน ไม่ว่าจะเป็นลิ้นหน้าขนาดใหญ่ ชิ้นเสริมแอร์โร่ไดนามิก (flics) ช่องดักอากาศที่ออกแบบใหม่ ฝากระโปรงมีช่องระบายลม และไฟหน้าแบบแถบแนวนอน

ด้านข้างและท้ายรถยังติดตั้งกระจกน้ำหนักเบา ซุ้มล้อหน้าระบายความร้อน สเกิร์ตข้างแบบแข่ง ล้อขนาด 18 นิ้วจาก Ronal AG และที่โดดเด่นที่สุดคือดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ สปอยเลอร์ท้าย และปีกหลังแบบรถแข่งเต็มรูปแบบ

แม้จะไม่มีภาพภายใน แต่ Lamborghini เปิดเผยว่าในห้องโดยสารมีโรลเคจพร้อมพวงมาลัยใหม่ที่ออกแบบโดยอิงจากฟีดแบกของนักแข่งจริง มีสวิตช์และระบบแสดงผลใหม่ รวมถึงระบบบันทึกข้อมูลการแข่งขันขั้นสูงและซอฟต์แวร์ที่ปรับจูนสำหรับสนามแข่งโดยเฉพาะ

โครงสร้างของตัวรถใช้แชสซีส์อะลูมิเนียมแบบ spaceframe ที่ผ่านการปรับน้ำหนักและออกแบบใหม่เพื่อตอบโจทย์การแข่งขัน เช่น การตัดชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบไฮบริดออก และปรับให้สามารถถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนหลักได้รวดเร็วขึ้นในการแข่งขัน เช่น ซับเฟรม
ช่วงล่างถูกปรับใหม่ทั้งหมด โดยใช้โช้คอัพจาก KW ที่สามารถปรับได้ 6 ทิศทาง พร้อมกับระยะฐานล้อที่ยาวขึ้นและช่วงล้อที่กว้างกว่ารุ่น Huracán GT3 Evo2

ขุมพลังยังคงเป็น เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ เหมือนในรุ่นถนน แต่ตัดระบบไฮบริดและมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าออก โดยมีการเปลี่ยนเทอร์โบชาร์จให้เล็กลง เพิ่มกล่องอากาศแบบใหม่ ติดตั้งท่อไอเสียจาก Capristo และรีแมปกล่องควบคุม ECU ใหม่เพื่อให้กำลังมาในช่วงรอบเครื่องที่กว้างขึ้น

พละกำลังรวมลดลงจากรุ่นถนนที่ทำได้ 907 แรงม้า เหลือ 542 แรงม้า (405 กิโลวัตต์) ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของการแข่งขัน GT3
ระบบเติมเชื้อเพลิงยังได้รับการปรับปรุงใหม่ เพิ่มความเร็วในการเติม และเพิ่มความแม่นยำในการตรวจวัดด้วยเซ็นเซอร์ใหม่ภายในถังน้ำมัน

แม้ตัวรถยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่ Lamborghini ตั้งความหวังไว้สูง เนื่องจากรุ่นก่อนหน้านี้สามารถคว้าแชมป์ได้ถึง 96 รายการ และทำยอดขายรถแข่งได้กว่า 200 คันทั่วโลก

ที่มา Carscoops