Tesla รอดคดีเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติแบบกลุ่ม แต่ยังต้องสู้คดีเดี่ยวอีกกว่าหลายร้อยคดี

Tesla ยังต้องเผชิญปัญหาทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง แม้ล่าสุดศาลรัฐแคลิฟอร์เนียจะมีคำตัดสินให้คดีเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติที่เริ่มต้นในปี 2017 ไม่สามารถดำเนินต่อในรูปแบบคดีแบบกลุ่มได้ แต่นั่นเป็นเพียงการผ่อนหนักเป็นเบาในระยะสั้นเท่านั้น เพราะบริษัทกำลังจะต้องรับมือกับคดีฟ้องร้องรายบุคคลจำนวนมหาศาลแทน

คดีนี้เริ่มต้นจากการฟ้องร้องของ Marcus Vaughn อดีตพนักงานสายการผลิตของโรงงาน Tesla ในเมืองเฟรมอนต์ ซึ่งอ้างว่าตนและพนักงานผิวดำคนอื่น ๆ ถูกปฏิบัติอย่างเลือกปฏิบัติ ถูกเหยียดเชื้อชาติด้วยคำหยาบคาย และพบเชือกที่ผูกเป็นบ่วงแขวนอยู่ในพื้นที่ทำงาน

คดีดังกล่าวเคยได้รับการรับรองให้เป็นคดีแบบกลุ่มในปี 2024 และมีกำหนดขึ้นศาลในเดือนเมษายน 2026 อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษา Peter Borkon แห่งศาลสูงแคลิฟอร์เนียมีคำตัดสินล่าสุดว่า คดีนี้ไม่สามารถดำเนินต่อในรูปแบบคดีแบบกลุ่มได้อีก เนื่องจากพนักงานประมาณ 200 คนที่ถูกสุ่มเลือกให้ให้การ ไม่พร้อมที่จะมาปรากฏตัวในศาล ทำให้ศาลไม่สามารถเชื่อมั่นได้ว่าประสบการณ์ของกลุ่มเล็ก ๆ จะสะท้อนถึงทั้งกลุ่มได้อย่างแท้จริง

หนึ่งในทนายฝ่ายโจทก์ระบุว่า พนักงานจำนวนมากในคดีนี้มีรายได้น้อย จึงไม่สามารถลางานเพื่อมาให้การได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่การรับรองคดีแบบกลุ่มต้องถูกยกเลิก

อย่างไรก็ตาม Tesla ยังไม่หลุดพ้นจากปัญหา เพราะทนายฝ่ายโจทก์เตรียมเดินหน้าดำเนินคดีแบบรายบุคคลแทน โดยจนถึงตอนนี้มีการยื่นฟ้องแล้วกว่า 500 คดี และคาดว่าตัวเลขอาจพุ่งเกิน 900 คดีในที่สุด

ทนาย Bryan J. Schwartz หนึ่งในผู้นำทีมกฎหมายของโจทก์ระบุว่า “Tesla อาจหลุดจากกระทะใบใหญ่ แต่กลับตกลงไปในกองไฟแทน เพราะตอนนี้บริษัทต้องเผชิญผู้เสียหายจำนวนหลายร้อยคนที่ต่างยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วยตัวเอง”

ที่มา Carscoops