Need Foor Speed ซิ่งเต็มเหนี่ยว...อีกภาพยนต์ความเร็วที่ไม่ควรพลาด

  • โดย : Autodeft
  • 14 เม.ย. 57
  • 7,812 อ่าน

ไปดูมาแล้วภาพยนต์เรือง Need For speed อีก หนึ่งภาพยนต์ดีๆที่สาวกความเร็วไม่ควรพลาดไม่ว่าด้วยประการใดๆ

 

 

เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง

ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ถ้าถามถึงเกมรถซิ่งที่เป็นต้นฉบับเกมแนวแข่งรถอื่นๆแล้ว เจ้าตลาดอย่าง Electronic Art  ไม่เคยที่จะพลาดปล่อยเกม ในตระกูล Need For Speed  ออกมาให้ลูกค้าทั้งหลายได้สัมผัสความแรงของรถยนต์ที่พวกเขาใฝ่ฝัน และล่าสุดจากเกม นำมาสู่ภาพยนตร์ ซึงกำลังจะลงโรงฉายในวันที่ 17 เมษายนนี้ในบ้านเราอย่างเป็นทางการ แต่ในช่วงสงกรานต์ หลายโรงนั้น เปิดในรอบ Sneak Preview  ให้ดูก่อน สำหรับใครที่ว่างไม่ได้ไปเที่ยวไหนในวันสงกรานต์

Need For Speed  ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นี้เป็นเรื่องใหม่ทั้งหมด ลืมทุกอย่างจากเกมไม่ว่าภาคไหนทิ้งไป แต่มันยังคงกลิ่นอายแบบเกมที่จะมีพลอทเรื่องที่เข้มขนเหมือนที่เรารูจักกันดี

เรื่องพูดถึงโทบี้ มาแชล นักแข่งรถข้างถนน อดีตนักขับในสนามที่มีฝีมือฉกาจในการขับขี่ เขาได้พรสวรรค์นี้จากพ่อของเขาซึ่งเป็นอดีตนักแข่ง เปิดอู่ด้วยกันที่เมืองเล็กๆ เมาท์ คิสโก้ แต่เมื่อพ่อเขาสิ้น ทุกอย่างกำลังจะสูญสิ้นไปและเข้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้อู่อยู่ได้

[IMAGE1]

โชคดีในความโชคร้าย เมื่อแฟนของแฟนเก่า, ดิโน่ บริวสเตอร์, อดีตคู่ปรับของโทบี้ กำลังหาช่างมาเซทรถคันหนึ่งที่พิเศษที่สุดในตระกูลของมัน และ เขาเลือกที่จะให้โทบี้เป็นผู้ปรับแต่งให้ แต่ความหลังยังเยาว์วัย ทำให้การประลองเรื่องความเร็ว ระหว่างโทบี้และดิโน่ ที่ไม่สิ้นสุดมาตั้งแต่อดีต เป็นชนวนในการแข่งที่นำไปสู่การเสียชีวิตของน้องชายแฟนเก่าของเขา(แอนนิต้า)

และเรื่องราวทั้งหมดเริ่มเข้มข้นจากตรงนี้ ซึ่งโทบี้กลับมาแก้แค้นโดยเขาต้องเข้าร่วมการแข่งขันในตำนานของนักซิ่งข้างถนน ที่เรียกว่า “เดลีออน” และ ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างเพื่อไปสู้เส้นชัย และยังต้องพิสูจน์ว่า เขาบริสุทธ์ และไม่ได้ฆ่าน้องชายแฟนเก่า ซึ่งพลอทเรื่องนั้นก็มาจากการผสมปนเปจากเกมใน Need For Speed : The Run และ  Need For Speed : Hot Pursuit เข้าไว้ด้วยกัน

เรื่องราวที่ค่อนข้างซับซ้อนมีปมและเงื่อนงำนี้ ทำให้  Need For speed  เป็นภาพยนตร์ที่ค่อนข้างจะใช้สมองตามไปด้วยแต่ปมที่ถูกผูกทั้งหมด จะค่อยๆคลาย ในตัวของมันเอง เมื่อเดินพลอทเรื่องไปตามที่ได้วางไว้ ตั้งแต่เริ่มต้น แต่ก็ต้องยอมรับว่ากว่าจะสนุกเร้าใจนั้นก็ปาไปเกือบ 1 ใน 4 ของเรื่อง เมื่อการแก้แค้นเริ่มต้นขึ้น นั่นเอง

[IMAGE2]

ในด้านพลอทเรื่องที่ดีมาพร้อมการวางภาพที่ค่อนข้างดีด้วย การเน้นในเรื่องของความงามสง่าของตัวรถถูกถ่ายทออดออกมาได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ฉากแรก และภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครขณะแข่งรถได้อย่างดี ทั้งการให้มุมมองจากบุคคลที่ 1 หรือ จะเป็นการเน้นภาพที่เคลื่อนไหวเร็ว ดูมีโมชั่นของรถ ในขณะใช้ความเร็ว รวมถึงการใช้มุมกล้องใหม่ที่ เชื่อว่าจะไม่มีในภาพยนตร์เกี่ยวกับรถเรื่องไหนใช้มาก่อน  อย่างเช่นคุณจะเห็นการเร่ง การที่รอบเครื่องฟาดตลอดเวลา โมเม้นที่สำคัญต่างๆของรถ หรือจะเป็นการขับขี่ที่สุดแสนจะหวาดเสียวในยาวที่เราขับด้วยความเร็ว ทั้งหมด นี้ถูกถ่ายทอดมาเป็นอย่างดี ทว่าบางครั้ง คุณอาจจะรู้สึกรำคาญกับกล้องบางมุมที่สั่นเพื่อให้เห็นว่ารถมีการใช้ความเร็วก็ทำให้มันน่ารำคาญ

[IMAGE3]

  ยิ่งไปกว่านั้นทีมงานภาพยนตร์  Need For speed ยังเน้นอารมณ์ด้วยเสียงที่เร้าใจของเครื่องยนต์ ในหลายๆฉากแอคชั่นที่คุณจะสัมผัสได้ถึงความเร็วประดุจคุณเดินทางร่วมไปกับตัวละครเลยทีเดียวเชียว

แม้ว่า Need for speed  จะมีหลายๆส่วนทีดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเดินพลอทเรื่องที่ส่วนใหญ่อยู่ในรถ Ford Mustang  อาจจะทำให้เบื่อไปบ้าง จนดูแล้วเป็นการโฆษณาในภาพยนตร์มากเกินไป  แต่ที่ดีกว่าคือ มันเป็นภาพยนต์รถซิ่งตัวจริงไม่ใช่เป็นภาพยนตร์แอคชั่นที่มีรถซิ่งประกอบมาไล่ยิงกันเป็นวรรคเป็นเวร แล้วจบที่เราไปไล่ยิงเขาต่อแบบนักเลง แต่ทั้งหมด เกือบทั้งเรื่องพลอทและความเข้มข้นที่มากขึ้นอยู่ที่ตัวละครที่กดดันมากขึ้น ทำให้ พวกเขาเหยียบคันเร่งเพื่อความเร็วมากขึ้นตามไปด้วย

[IMAGE4]

อย่างไรก็ดีสิ่งหนึ่งที่ภาพยนตร์แนวเดียวกันไม่มีแต่ Need For Speed  มี คือการให้ความหมายของการใช้ความเร็ว ปละการซิ่งรถ หาก คุณดูแล้วคิดตามจะได้ข้อคิดที่ดีมากในการขับรถ หนังไม่ได้เน้นแค่เอามันส์เข้าว่าแต่ สิ่งที่ผู้กำกับ  สก๊อต วอทท์ ใส่เข้ามาเป็นแก่นของเรื่อง คือการแข่งรถหรือการขับเคี่ยวใดไม่มีอะไรเหนือไปมากกว่ามิตรภาพของคำว่าเพื่อน  ซึ่งรถซิ่งและความเร็วไม่สามารถให้ได้  และจะเห็นได้ตลอดทั้งเรื่องในบทบาทของตัวประกอบที่คอยเข้ามาช่วยเหลือตัวเอกในการเดินทาง

ในภาพรวมหากกล่าวแล้ว ภาพยนตร์  Need For Speed  เป็นปฐมบมของการเริ่มต้นยุคใหม่ของภาพยนตร์รถซิ่งยุคใหม่ ที่มีการใช้รายละเอียดเน้นที่การแข่งรถอย่างเป็นจริงเป็นจังนั้นก็ใช่ การให้ความเร้าใจของการใช้ความเร็ว เรียกว่าเป็นจุดขายที่ยอดเยี่ยมที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ และคุณจะอินไปกับมันในแบบเดียวกับที่เกม ทำให้คุณเกรงได้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ Need For speed  สามารถหาชมได้แล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

ภาพประกอบจากตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง  Need For Speed

เรื่อง โดย ณัฐยศ ชูบรรจง

 

คำคมจากหนัง :Racing is art , but racing with passion that is high art , (การแข่งขันเป็นศิลปะ แต่การแข่งขันที่มีความมุ่งมั่น มันเป็นศิลปะชั้นสูง) - Need For Speed Movie 2014

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com

5 เรื่องน่าสนใจ