ทดสอบยาง MICHELIN Primacy 4 [มิชลิน ไพรมาซี่ 4] ที่ใกล้จะหมดดอก ภายใต้แนวคิด “อายุยางเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน”

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 17 ธ.ค. 61
  • 17,975 อ่าน

หลังจากที่ทางทีมงานได้เคยสัมผัสและทดสอบกับยางใหม่ ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ที่มาพร้อมคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งในเรื่องของการขับขี่ที่ให้ความนุ่มนวล ไร้เสียงรบกวน และความมั่นใจทั้งบนถนนแห้งและเปียกกันไปแล้ว ในครั้งนี้ทางทีมงานจะพาไปชมการทดสอบกับยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ที่ใกล้จะหมดดอกกันว่าแนวคิดในการออกแบบที่ว่า “อายุยางเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน” (Safe When New, Safe When Worn) นั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง

MICHELIN Primacy 4 Worn

มิชลิน ไพรมาซี่ 4 ยางรถยนต์ใหม่ล่าสุดจากมิชลิน มาพร้อมกับคุณสมบัติเด่น ทั้งเรื่องของการเกาะถนน ระยะเบรกสั้นและมั่นใจ โดยประสิทธิภาพตั้งแต่วันแรกที่ใช้ ไปจนถึงยางใกล้จะหมดดอก (ดอกยางเหลือประมาณ 2 มิลลิเมตร) ยังคงมอบความนุ่มเงียบ ในสไตล์ของยางมิชลิน ตระกูลไพรมาซี่ และประสิทธิภาพของยางเอาไว้อย่างดี

MICHELIN Primacy 4 Worn

โดยในครั้งนี้ทางทีมงานได้ร่วมทดสอบการเบรกแบบฉุกเฉินจากความเร็ว ประมาณ 80 กม./ชม. ซึ่งได้ทำการเบรกจนรถหยุดนิ่งบนพื้นที่เปียกชุ่ม ด้วยยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ที่ใกล้จะหมดดอก เพื่อทดสอบกันว่าระยะเบรกนั้นอยู่ที่เท่าไหร่ อาการของยางที่ใกล้จะหมดดอก นั้นเป็นอย่างไรเมื่อต้องมีการเบรกฉุกเฉิน พร้อมกับต้องเจอพื้นผิวที่เคลือบด้วยน้ำแบบนี้ กับรถที่ใช้ทดสอบในครั้งนี้ Toyota Camry

MICHELIN Primacy 4 Worn

MICHELIN Primacy 4 Worn

MICHELIN Primacy 4 Worn

ซึ่งหลังจากการขับทดสอบการเบรกแบบฉุกเฉิน Wet Test จากความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. บนพื้นผิวที่เปียกจนหยุดนิ่ง ทั้ง 3 ครั้ง ทำให้ได้ตัวเลขระยะเบรกเฉลี่ยอยู่ที่ 35.9 เมตร โดยใช้การวัดระยะด้วยเครื่อง V-Box เครื่องมือที่ช่วยให้การวัดระยะมีความแม่นยำสูงด้วยระบบ GPS ดาวเทียม ที่หน่วยงานทดสอบทั่วโลกเลือกใช้ จึงทำให้การทดสอบของเราในวันนี้แม่นยำสูงสุดนั้นเอง เมื่อพูดถึงอาการของตัวรถรวมไปถึงความรู้สึกที่สัมผัสได้ในแต่ละครั้งของการเบรกนั้นให้ความมั่นใจได้ดี สามารถควบคุมรถไปในทิศทางตรงตามต้องการ ตัวรถไม่มีอาการเหินน้ำหรือส่ายให้รู้สึกไม่มั่นใจแต่อย่างใดแม้ยางจะใกล้หมดดอกแล้วก็ตาม เป็นผลมาจากเทคโนโลยี EverGrip™ ที่มีการออกแบบร่องรีดน้ำใหม่ให้สามารถรีดน้ำเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 ทั้งเมื่อตอนยางใหม่และใกล้จะหมดดอกที่เราได้ทดสอบกันในวันนี้

จากการสังเกตดูดอกยางที่เหลือเพียงราว 2 มม. ใกล้สะพานยาง ของยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ที่ได้ทดสอบกันในครั้งนี้ เห็นได้ว่าร่องรีดน้ำยังมีขนาดกว้าง รวมถึงการออกแบบร่องรีดน้ำด้านข้างก็ยังกว้างและลึกถึงโคนดอกยาง ทำให้ยังคงประสิทธิภาพในการรีดน้ำได้ดี ลดอาการเหินน้ำ ระยะเบรกสั้น รวมถึงการยึดเกาะ แม้ยางใกล้จะหมดดอกก็ตาม

และเมื่อเปลี่ยนมาใช้ยางทั่วไปที่ใกล้จะต้องเปลี่ยนแล้ว วิ่งทดสอบการเบรกฉุกเฉิน Wet Test บนพื้นเปียกภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน ทั้ง 3 ครั้ง ทำให้ได้ตัวเลขระยะเบรกเฉลี่ยอยู่ที่ 39.1 เมตร เห็นได้ว่าระยะเบรกเฉลี่ยของยางทั่วไปมากกว่าถึง 3.2 เมตร ซึ่งเมื่อเรานึกถึงสถานการณ์จริงในการเบรกฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น ยิ่งระยะเบรกสั้นเท่าไหร่ก็ยิ่งลดความเสี่ยงที่อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ หรือไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเลย

MICHELIN Primacy 4 Worn

MICHELIN Primacy 4 Worn

นอกจากนี้ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ยังได้มีการเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสกับพื้นถนน ซึ่งให้ความมั่นใจมากยิ่งขึ้นแม้จะผ่านการใช้งานไปแล้วก็ตาม และด้วยการทำงานร่วมกันกับสูตรผสมเนื้อยางนวัตกรรมล่าสุด ทำให้การยึดเกาะของซิลิก้ากับโพลิเมอร์เข้ากันได้ดีและสม่ำเสมอมากขึ้น ส่งผลให้เนื้อยางมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยเพิ่มสมรรถนะการเกาะถนนได้ดี ซึ่งทางทีมงานได้เคยทดสอบกันไปในครั้งก่อนกับยางใหม่ ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ที่ให้ความมั่นใจด้วยระยะเบรกที่สั้นทั้งบนถนนแห้งและเปียก นับเป็นยางที่ให้ประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีและคุ้มค่า ตั้งแต่ที่เปลี่ยนมาใช้จนยางใกล้หมดดอก มอบความมั่นใจทุกครั้งเมื่อต้องขับขี่ในทุกสภาวะ (คลิกชมการทดสอบยางใหม่ มิชลิน ไพรมาซี่ 4 ได้ที่นี่)

MICHELIN Primacy 4 Worn

MICHELIN Primacy 4 Worn

และอีกหนึ่งสถานีการทดสอบ กับการขับขี่ในพื้นที่โล่ง ซึ่งมีการกำหนดเส้นทางไว้คร่าวๆ ให้ทีมงานได้ลองขับรถยนต์ที่ติดตั้งยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ที่ใกล้จะหมดดอกไว้ ให้ได้ลองขับขี่กัน ทั้งการควบคุมรถเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา การขับขี่ซิกแซก รวมไปถึงการหักหลบแบบกะทันหัน ถึงแม้ว่าดอกยางจะเหลืออยู่ราว 2 มิลลิเมตรนี้ ก็ยังสามารถให้ประสิทธิภาพของการเกาะถนนได้อย่างมั่นใจ ในช่วงจังหวะที่ต้องหักพวงมาลัยเลี้ยวกะทันหัน ตัวรถก็พร้อมมุ่งไปยังทิศทางที่ผู้ขับขี่ควบคุม และในส่วนของการขับขี่บนท้องถนนั้นหากพูดถึงเรื่องความเงียบภายในห้องโดยสารที่ได้เคยทดสอบกันไปแล้ว สามารถตอบโจทย์การเดินทางได้อย่างดี ด้วยเทคโนโลยี Silent Rib รุ่นสอง ที่ช่วยลดเสียงรบกวนไม่ให้เข้าไปภายในห้องโดยสาร และด้วยแถบเนื้อยางเสริมระหว่างบล็อกดอกยางแบบเต็มหน้ายาง (Inter-Locking Bands) ไม่เพียงช่วยลดเสียงที่เกิดจากการบีบอัดอากาศภายในช่องว่างของบล็อกดอกยาง แต่ยังช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ในครั้งนี้กับยางที่ใกล้จะหมดดอกที่ได้ทดสอบกัน ก็ยิ่งเสริมความมั่นใจได้ว่า ยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 นั้นให้ความมั่นใจตั้งแต่ยางใหม่ไปจนยางนั้นใกล้จะหมดดอก และถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยน

จากการทดสอบทั้งยางใหม่ และยางใกล้หมดดอก ทำให้เราได้รู้ว่าแนวคิด “อายุยางเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน” ของยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 นั้น ได้ให้ความมั่นใจตั้งแต่วันแรกที่ใช้ จนแม้ยางใกล้หมดดอก ทั้งระยะเบรกที่สั้นบนถนนแห้งและเปียก ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และความนุ่มเงียบตลอดการใช้งาน กับยางรถยนต์คุณภาพที่อยากให้คุณได้สัมผัสด้วยตัวเอง

และสำหรับใครที่สนใจยาง มิชลิน ไพรมาซี่ 4 ก็สามารถเลือกขนาดยางให้ตรงความต้องการด้วยขนาดยางที่มีมากถึง 31 ขนาด มีให้เลือกตั้งแต่ขอบ 15-19 นิ้ว ครอบคลุมการใช้งานในรถยนต์ชั้นนำหลายรุ่น ทั้ง โตโยต้า แคมรี่ (Toyota Camry) ,ฮอนด้า แอคคอร์ด (Honda Accord), บีเอ็มดับบลิว ซีรี่ส์ 3 และซีรี่ส์ 5 (BMW 3 and 5 Series), เมอร์เซเดส อี-คลาส และ ซี-คลาส (Mercedes E and C Classes) และรถยนต์รุ่นอื่นๆ 

MICHELIN Primacy 4 Worn

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ