สิ่งที่ควร-ไม่ควรทำระหว่างขับรถยามฝนตก

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 4 ส.ค. 60
  • 137,886 อ่าน

ช่วงนี้สภาพอากาศในบ้านเรา เป็นช่วงที่ฝนเทลงมาอยู่บ่อยมาก เช้าสายบ่ายเย็นก็ไม่เลือก อยากจะส่งความชุ่มฉ่ำลงมาเมื่อไหร่ก็เอา ซ้ำเติมให้สภาพการจราจรที่แย่อยู่แล้ว ต้องแย่ไปมากกว่าเดิมอีก แต่ที่จะมาคุยกันวันนี้ไม่ใช่เรื่องของสภาพการจราจร แต่จะเป็นข้อแนะนำว่าถ้าเราขับรถอยู่แล้วเจอสถานะการณ์ฝนตก เราควรหรือไม่ควรทำอย่างไรบ้าง เพื่อให้การเดินทางตอนนั้นปลอดภัยที่สุด

ขับรถตอนฝนตก

ควรลดความเร็ว
สิ่งพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการขับรถยามฝนตกก็คือ ต้องลดความเร็วลงมาจากเดิมให้ได้อย่างน้อย 30% แต่ถ้าให้ปลอดภัยสุดก็ควรซักครึ่งหนึ่ง ขึ้นอยู่ด้วยว่าฝนที่ตกมานั้นมากขนาดไหน ยิ่งตกมาก ความเร็วก็ยิ่งควรลดลง เพราะทัศนวิสัยระหว่างฝนตกนั้น จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเวลากลางคืนนั้นยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเม็ดฝนจะเป็นตัวที่คอยสะท้อนแสงไฟทั้งบนพื้นและกลางอากาศเข้ามากระทบสายตาเราเพิ่มขึ้นกว่ายามไม่มีฝนเป็นอย่างมาก จึงอาจทำให้วัตถุต่างๆอยู่ในระยะที่ผิดไปจากเดิมได้เช่นกัน รวมทั้งฝนที่อยู่บนพื้น จะเป็นเหมือนวัตถุที่คอยคั่นระหว่างยางรถยนต์ของเรากับพื้นถนน ยิ่งขับเร็วเท่าไหร่อาการเหินน้ำก็จะเกิดได้ง่ายขึ้น ทำให้รถอาจเกิดอาการเสียการทรงตัวหรือเบรกไม่อยู่ได้ทุกเวลา ดังนั้นควรลดความเร็วลง ถึงช้าหน่อยแต่ถึงแน่นอนดีกว่าครับ

ขับรถตอนฝนตก

ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไฟฉุกเฉิน ปกติแล้วก็ใช้เปิดยามฉุกเฉินเพื่อให้รถยนต์คันอื่นเห็นรถเราได้ชัดเจนมากขึ้น แต่หลายคนเมื่อเจอกับฝนตกหนักๆ ก็กลัวว่ารถคันอื่นจะเห็นรถเราได้ไม่ชัด เลยคิดเอาเองว่าการเปิดไฟฉุกเฉินจะช่วยให้คันอื่นเห็นรถเราได้ง่ายขึ้น ถ้าถามว่าเห็นง่ายขึ้นไหม ก็ต้องบอกว่าใช่ส่วนหนึ่ง แต่ถามว่าปลอดภัยมั้ย ตอบได้เลยว่าไม่ปลอดภัยครับ เพราะการเปิดไฟฉุกเฉินแล้ววิ่งไปด้วยท่ามกลางสายฝน จะทำให้รถคันอื่นไม่สามารถรู้ได้เลยว่า รถของคุณจะเปลี่ยนเลนเมื่อไหร่, จะเลี้ยวตอนไหน ยิ่งเป็นอันตรายกว่าตอนไม่เปิดซะอีก และถ้าใครเคยขับรถตามรถหลังคนที่เปิดไฟแบบนี้ไว้โดยเฉพาะเวลากลางคืน จะรู้สึกปวดและสายตาล้าเป็นอย่างมาก เพราะทุกครั้งที่ไฟกระพริบ ก็จะทำให้ม่านตาของเรานั้นขยับอยู่ตลอดเวลา อาจทำให้มองถนนได้ไม่ชัดเจน ดังนั้นถ้าฝนตก ไม่ต้องเปิดเลยครับไฟฉุกเฉิน

ขับรถตอนฝนตก

ควรเกรงใจคนริมถนน
ปกติที่คอยระวังฝนบนฟ้าไม่ให้เปียกปอนของคนเดินถนนก็ลำบากอยู่แล้ว แต่ต้องมาเจอฝนจากด้านข้างที่สาดมาโดยฝีมือคนขับรถที่ไม่สนใจอะไรยิ่งลำบากกว่า ใครที่เคยรอรถเมล์ที่ป้ายระหว่างฝนตกคงทราบดี เมื่อยามน้ำปริ่มอยู่ริมถนนเพื่อระการระบายลงสู่ท่อ ก็จะมีรถยนต์มารยาทเสียบางคันที่อยากจะถึงจุดหมายเร็วโดยไม่สนใจใคร ขับมาด้านเลนซ้ายแบบเต็มที่ สาดเอาน้ำที่รอลงท่อมาสาดลงที่คนรอในป้ายรถเมล์แทน ทั้งที่หลบฝนอยู่ใต้หลังคาอย่างดีแล้ว แต่ต้องมาเปียกปอนแบบที่ตัวเองป้องกันอะไรไม่ได้ ก็คงจะเซ็งไม่ใช่น้อย ดังนั้นถ้าเราขับรถอยู่แล้วเจอคนยืนอยู่ริมถนน ก็เบาๆความเร็วหน่อย สังคมจะได้น่าอยู่ขึ้นครับ

ขับรถตอนฝนตก

ไม่ควรลุยน้ำลึกเกินไป
ฝนตกหนักแล้วมีน้ำท่วมรอระบายเป็นเรื่องปกติ แต่บางคนไม่ปกติเพราะประเมินไม่ถูกว่ารถยนต์ของเรานั้นลุยน้ำได้แค่ไหน  ลุยฝ่าไปเพราะคิดว่ามันน่าจะพอได้ แต่จังหวะซวยเจอน้ำซัดมาแรงจนสูงถึงปากท่อไอดีได้ ก็เป็นอันจบกันกลางถนน ดังนั้นเราควรจะต้องประเมินได้เบื้องต้นว่าจริงๆแล้วรถเราจะลุยน้ำได้อยู่ในระดับไหน ถ้าเป็นรถเก๋งทั่วไป ก็ดูอย่าให้เกินกว่าขอบประตูด้านล่าง แต่ถ้าเป็นรถกระบะยกสูง ก็อาจจะลุยได้สูงมากกว่าปกติ โดยประมาณเกือบครึ่งล้อก็พอไหว แต่ถ้าไม่ชำนาญเส้นทาง ก็ขอให้เลือกลุยในจุดที่ท่วมน้อยที่สุดเป็นดี เพราะเราไม่รู้หรอกว่าระหว่างที่วิ่งไปมันจะไปเจอจุดไหนที่ลึกไปกว่าเดิมเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างที่เรารู้กันดีว่าสภาพถนนของเมืองไทยเป็นอย่างไร

 

ควรให้สัญญาณเลี้ยวไกลกว่าเดิม
ถ้าเอาตามกฎหมายจราจรแล้ว ก่อนที่เราจะเลี้ยว ต้องชะลอรถแล้วให้สัญญาณไม่น้อยกว่า 30 เมตร แต่ในสภาวะที่ฝนตกหนัก  การมองเห็นของสายตาเราก็น้อยลงตามไปด้วย ดังนั้นการเปิดในระยะเดิมก็อาจจะดูไม่ทันการ อาจจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุก็เป็นได้ ดังนั้นก่อนที่เราจะเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยว ก็ควรจะให้สัญญาณแต่เนิ่นๆ รถที่ตามหลังเรามาจะได้เตรียมพร้อมได้ดีขึ้น หลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุกับบั้นท้ายรถเราได้ดีขึ้นแน่นอน

 

ไม่ควรเหยียบเบรกแรงโดยไม่จำเป็น
รู้อยู่แล้วว่าอาการเพิ่มเติมที่มีหลังจากฝนตกลงมาก็คืออาการถนนลื่น โดยเฉพาะยามที่ฝนตกใหม่ๆหลังจากที่ไม่ได้ตกมานานแล้ว ดังนั้นการเหยียบเบรกที่บางคนชอบกดแรงๆในยามกระชั้นชิด อาจจะได้ผลในยามถนนแห้ง แต่มันจะไม่ได้ผลในยามที่ฝนตกแน่นอน เพราะน้ำจะทำให้การสัมผัสของหน้ายางกับถนนน้อยลงไป จนอาจส่งผลให้รถของเราอาจเสียหลัก หรือมีอาการเบรกไม่อยู่ จนไปกระแทกกับอย่างอื่นที่ไม่ควรกระแทกได้ตลอดเวลา ดังนั้นเราควรแตะเบรกเบาๆแบบเนิ่นๆ เพราะให้รถของเรายังคงอยู่ในเส้นทางที่ควรเป็นได้อย่างปกติ

ขับรถตอนฝนตก

ควรเปิดไฟหน้ารถ
ยามที่ฝนตกในเวลากลางวัน อากาศมันก็ดูครึ้มๆหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับมืดสนิท เหมือนกับอยู่ในช่วงเวลาโพล้เพล้ จะสว่างก็ไม่ใช่ จะมืดก็ไม่เชิง เลยทำให้เราอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าไฟหน้าของเรานั้นเปิดอยู่หรือเปล่า โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ๆที่มีระบบเปิดไฟหน้าอัตโนมัติ มันจะเปิดเพียงแค่ไฟหรี่เท่านั้นเอง ซึ่งจริงๆแล้วระหว่างที่ฝนตกหนัก เราควรต้องเปิดเป็นไฟหน้าดวงใหญ่เลย เพื่อให้รถที่ร่วมทางเราอยู่จะได้เห็นรถเราได้ชัดในระยะที่ไกลมากขึ้น เพิ่มการสังเกตุหน่อยเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้นครับ

 

ไม่ควรละสายตาจากถนน
ยามฝนไม่ตก เราอาจจะขับรถไป มองถนนไป, มองสาวข้างทางไป, มองโทรศัพท์บ้าง ก็อาจจะดูเป็นเรื่องปกติ (ถึงจะไม่ค่อยปลอดภัยก็เถอะ) แต่ยามที่ฝนตก อุบัติเหตุทุกอย่างก็พร้อมเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา เพียงเสี้ยววินาทีที่ละสายตาก็อาจจะเกิดขึ้นได้ และการแก้ไขมันก็ยากกว่าเวลาฝนไม่ตกหลายเท่าตัวนัก ดังนั้นสายตาของเราควรจะต้องจับจ้องบนถนนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างครบถ้วน เวลาเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมาจะได้แก้ไขทัน เพราะความเป็นความตาย บางครั้งมันก็ห่างกันแค่วินาทีเดียวจริงๆครับ

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ