Ford ยกเลิกดีลแบตเตอรี่ยักษ์ 6.5 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนแผนรถไฟฟ้าที่เริ่มสะดุดหนัก

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 21 ธ.ค. 68 09:57
  • 1,040 อ่าน

Ford เดินหน้าถอยจากแผนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์กับ LG Energy Solution โดยให้เหตุผลถึงสภาพตลาดที่เปลี่ยนไปและความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มชะลอตัว การยกเลิกดีลครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก Ford ประกาศลดขนาดแผน EV และไม่นานหลังจากยุติโครงการแบตเตอรี่ร่วมกับ SK On มูลค่า 11.4 พันล้านดอลลาร์

Ford

ข้อมูลการยกเลิกสัญญาถูกเปิดเผยผ่านเอกสารรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ของ LG ในเกาหลีใต้ ซึ่งระบุว่าการตัดสินใจดังกล่าวมาจากฝั่ง Ford ที่ยุติการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่น อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐและการประเมินแนวโน้มความต้องการ EV ใหม่ ตัวเลขมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์นี้คิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของรายได้รวมทั้งปีของ LG ในปีก่อนหน้า

ข้อตกลงดังกล่าวถูกลงนามในเดือนตุลาคม ปี 2024 โดย LG จะเป็นผู้จัดหาแบตเตอรี่ให้ Ford รวม 34 กิกะวัตต์ชั่วโมง ระหว่างปี 2026 ถึง 2030 เพียงพอสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราวครึ่งล้านคันต่อปี หากคิดจากแบตเตอรี่ขนาดเฉลี่ย 75 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อคัน นอกจากนี้ LG ยังมีแผนจัดหาแบตเตอรี่เพิ่มเติมอีก 75 กิกะวัตต์ชั่วโมง สำหรับรถยนต์เชิงพาณิชย์ของ Ford ในช่วงปี 2027 ถึง 2032 โดยจะผลิตที่โรงงานในโปแลนด์ เพื่อป้อนตลาดยุโรป

Ford

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงหลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง ความต้องการ EV ในสหรัฐอเมริกาที่เคยแข็งแกร่งในช่วงเก้าเดือนแรกของปี กลับร่วงลงอย่างชัดเจนหลังการยกเลิกเครดิตภาษีรถไฟฟ้ามูลค่า 7,500 ดอลลาร์ นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังผ่อนคลายกฎด้านอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เปิดทางให้ค่ายรถหันกลับไปพัฒนารถเครื่องยนต์สันดาปมากขึ้น

ฝั่งยุโรปเองก็ส่งสัญญาณผ่อนปรนเช่นกัน เมื่อคณะกรรมาธิการยุโรปเสนอเป้าหมายลดการปล่อย CO₂ สำหรับรถใหม่ในปี 2035 ลงเหลือ 90 เปอร์เซ็นต์ แทนการยกเลิกเครื่องยนต์สันดาปโดยสิ้นเชิง ส่งผลให้หลายผู้ผลิตเริ่มทบทวนแผนการลงทุนด้าน EV ใหม่ทั้งหมด

Jim Farley ซีอีโอของ Ford ยอมรับว่าจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายเหล่านี้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาอาจลดลงมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Ford ต้องชะลอและปรับทิศทางกลยุทธ์รถไฟฟ้าอย่างจริงจัง

ที่มา Carscoops

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ