Honda Odyssey อีกเวอร์ชันที่ผลิตในจีน ยังทำตลาดญี่ปุ่นต่อเนื่อง 12 ปี
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 17 ธ.ค. 68 20:20
- 1,053 อ่าน
Honda เปิดตัว Odyssey e:HEV รุ่นปี 2026 ในญี่ปุ่นอย่างเงียบ ๆ โดยแทบไม่มีความเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้น แต่กลับมาพร้อมการปรับราคาขึ้นถึง 286,000 เยน หรือราว 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นการขยับราคาที่ชวนตั้งคำถามสำหรับรถมินิแวนที่กำลังเผชิญปัญหาความนิยมลดลงอย่างชัดเจน

แม้จะใช้ชื่อเดียวกับ Odyssey ที่จำหน่ายในอเมริกาเหนือ แต่ Odyssey ที่ขายในญี่ปุ่นเป็นคนละรุ่นโดยสิ้นเชิง เจเนอเรชันปัจจุบันทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2013 และแม้จะผ่านการปรับโฉมมาแล้วสองครั้ง แต่โครงสร้างและพื้นฐานของรถก็ยังคงเดิม หลังจาก Honda ยุติการผลิตในญี่ปุ่นช่วงปลายปี 2021 ก็ได้นำ Odyssey กลับมาจำหน่ายอีกครั้งในปี 2023 ด้วยการนำเข้าจากประเทศจีน ซึ่งช่วยให้ชื่อรุ่นยังอยู่ต่อ แต่แทบไม่มีพัฒนาการใหม่
สำหรับรุ่นปี 2026 การเปลี่ยนแปลงภายนอกมีเพียงสีตัวถังใหม่ Diamond Dust Pearl ซึ่ง Honda ระบุว่าให้ประกายคล้ายผลึกน้ำแข็งบนท้องฟ้า สีนี้สงวนไว้เฉพาะรุ่น Black Edition ที่เสริมรายละเอียดสีดำเงาและล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วสีเดียวกัน นอกเหนือจากนั้น รูปลักษณ์โดยรวมยังคงเหมือนเดิมทั้งหมด

ภายในห้องโดยสารก็แทบไม่ต่างจากรุ่นก่อน ความเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวคือการเพิ่มม่านบังแดดแบบม้วนมือสำหรับกระจกหน้าต่างแถวหลัง ซึ่งในความเป็นจริงเคยเป็นออปชันเสริมอยู่แล้วในราคา 27,500 เยน ไม่รวมค่าติดตั้ง ทำให้ยากจะอธิบายการปรับราคาขึ้นในปีนี้
ด้านขุมพลังยังคงใช้ระบบไฮบริดเดิม เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 181 แรงม้า ส่งกำลังสู่ล้อหน้าผ่านเกียร์ E-CVT โดยไม่มีการปรับปรุงด้านสมรรถนะหรือประสิทธิภาพเพิ่มเติมแต่อย่างใด

Honda Odyssey e:HEV รุ่นปี 2026 วางจำหน่ายในญี่ปุ่นด้วยราคาตั้งแต่ 5,086,400 ถึง 5,450,500 เยน หรือราว 32,800 ถึง 35,200 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นปีที่แล้วเท่ากันทุกรุ่น 286,000 เยน
หากมองในภาพรวมตลาด คู่แข่งอย่าง Toyota Alphard เริ่มต้นที่ราว 5.1 ล้านเยน และไต่ระดับไปถึงเกือบ 8.82 ล้านเยน ขณะที่ Nissan เตรียมเปิดตัว Elgrand เจเนอเรชันใหม่ในช่วงกลางปี 2026 ซึ่งอาจเข้ามาเปลี่ยนสมดุลของตลาดรถมินิแวนขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น

รายงานจาก Creative Trend ระบุว่า ความสนใจของลูกค้าต่อ Odyssey ในญี่ปุ่นยังอยู่ในระดับต่ำมาก โดยมีดีลเลอร์รายหนึ่งได้รับคำสั่งซื้อเพียงคันเดียวหลังการเปิดตัวรุ่นปี 2026 ขณะที่ผู้แทนจำหน่ายหลายแห่งเริ่มกังวลถึงความสามารถในการแข่งขัน และมองว่ารถรุ่นนี้ควรได้รับการเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคันมานานแล้ว
สาเหตุหนึ่งมาจากการที่ Odyssey ขาดอุปกรณ์ระดับพรีเมียมซึ่งมีอยู่ในคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นระบบปรับอากาศแยก 4 โซน หลังคาพาโนรามิก พวงมาลัยอุ่น เบาะนั่งระบายอากาศ เฮดอัพดิสเพลย์ และฟีเจอร์ความสะดวกสบายอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ต้องการรถมินิแวนของ Honda ในญี่ปุ่น ยังมีทางเลือกที่ราคาย่อมเยากว่า ทั้ง Step WGN ขนาดกลางที่เริ่มต้นราว 3.35 ล้านเยน และ Freed รุ่นเล็กที่ราคาเริ่มประมาณ 2.62 ล้านเยน
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com




