Hyundai เล็งท้าชน Toyota 4Runner และ Tacoma พร้อมแผนใหญ่ยึดตลาดอเมริกาเหนือ แซง Honda ภายในปี 2030

Hyundai สร้างสถิติยอดขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่สาม และปัจจุบันก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายอันดับ 6 ในสหรัฐอเมริกา แต่สำหรับ โฮเซ มูนอซ ซีอีโอของบริษัท นี่ยังไม่เพียงพอ เขาเปิดเผยแผนยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่เพื่อยกระดับการผลิต ผลิตภัณฑ์ และพันธมิตร โดยตั้งเป้าเพิ่มยอดขายในอเมริกาเหนือขึ้นถึง 73 เปอร์เซ็นต์ เป็น 1.44 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030

หัวใจสำคัญของแผนนี้คือการผลิตในประเทศ Hyundai ต้องการให้รถที่จำหน่ายในสหรัฐฯ กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ผลิตภายในประเทศ และใช้ชิ้นส่วนที่มาจากซัพพลายเออร์ในอเมริกามากถึง 80 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน เพื่อรองรับเป้าหมายดังกล่าว โรงงาน Metaplant ขนาดใหญ่ในรัฐจอร์เจียกำลังเร่งกำลังการผลิตอย่างเต็มที่ และจะเข้าสู่เฟสที่สองในปี 2028 เพิ่มกำลังการผลิตอีก 200,000 คันต่อปี รองรับรถไฮบริดและไฟฟ้าได้สูงสุด 10 รุ่น ขณะที่โรงงานในรัฐแอละแบมาก็จะได้รับการเสริมศักยภาพเพิ่มเติม

อีกเสาหลักสำคัญคือผลิตภัณฑ์ใหม่ Hyundai เตรียมรุกตลาดอย่างจริงจัง โดยยืนยันว่ากระบะขนาดกลางโครงสร้างแบบบอดี้ออนเฟรมจะเปิดตัวก่อนปี 2030 เพื่อแข่งขันโดยตรงกับ Toyota Tacoma และยังมีแนวคิดพัฒนาเอสยูวีที่ใช้พื้นฐานเดียวกัน เพื่อลงสู้กับ Toyota 4Runner ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมในสหรัฐฯ

นอกจากนี้ Hyundai ยังมองไกลไปถึงตลาดรถเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่รถแวนไฟฟ้าไปจนถึงรถบรรทุกขนาดกลาง ขณะที่แบรนด์หรู Genesis ก็จะได้รับการขยายไลน์อัป ทั้งรุ่นสมรรถนะสูงและกลุ่มรถหรูใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มอัตรากำไรในระยะยาว

ด้านความร่วมมือ Hyundai ชี้ว่าการจับมือกับ General Motors จะช่วยให้ขยายธุรกิจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีรถอย่างน้อย 5 รุ่นอยู่ระหว่างการพัฒนา รวมถึงรถแวนไฟฟ้าสำหรับตลาดอเมริกาเหนือ และรถขนาดเล็กถึงกลางสำหรับอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ขณะเดียวกันยังร่วมมือกับ Amazon Autos ในระบบขายรถดิจิทัล และ Waymo สำหรับเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติในอนาคต

กลยุทธ์ด้านไฟฟ้าของ Hyundai ก็เดินหน้าอย่างดุดัน บริษัทตั้งเป้าเปิดตัวรถไฮบริดมากกว่า 18 รุ่นภายในปี 2030 พร้อมแพลตฟอร์มรถไฟฟ้าแบบ Extended Range ที่วิ่งได้ไกลกว่า 600 ไมล์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และแบตเตอรี่เจเนอเรชันใหม่ที่มีความหนาแน่นพลังงานสูงขึ้น ต้นทุนต่ำลง และชาร์จได้เร็วกว่าเดิม

มูนอซย้ำว่า Hyundai จะไม่เลือกเดินเพียงทางใดทางหนึ่ง แต่จะทำตลาดทั้งไฮบริด รถไฟฟ้า ฟิวเซล และปลั๊กอิน เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย รวมถึงการขยายไลน์รถสมรรถนะสูง N โดยตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกมากกว่า 100,000 คันต่อปีภายในปี 2030 และมีโอกาสเติบโตถึง 200,000 คัน หากแผนดำเนินไปตามเป้า

Genesis ก็มีบทบาทสำคัญในแผนระยะยาวเช่นกัน หลังจากทำยอดขายสะสมทะลุ 1 ล้านคันภายในเวลาไม่ถึง 8 ปี ซึ่งเร็วที่สุดในบรรดาแบรนด์หรูทั้งหมด Hyundai ตั้งเป้าให้ Genesis มียอดขายปีละ 350,000 คันภายในปี 2030 จากปัจจุบันราว 225,000 คัน โดยอาศัยการขยายไปสู่เซกเมนต์กำไรสูง โปรแกรมสั่งทำพิเศษ One of One และการผลิตในสหรัฐฯ ที่จะเริ่มในอนาคตอันใกล้

แม้แผนของ Hyundai จะดูทะเยอทะยานอย่างยิ่ง แต่เมื่อมองย้อนกลับไปถึงการเติบโตตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ก็ยากจะปฏิเสธว่าบริษัทมีศักยภาพจะทำให้เป้าหมายเหล่านี้เป็นจริง หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ตลาดอเมริกาเหนืออาจกลายเป็นหัวใจหลักของ Hyundai ในระดับโลกอย่างแท้จริง

ที่มา Carscoops