เคสจริงเจ้าของ Rivian R1T เจอค่าซ่อมพุ่ง 22,000 ดอลลาร์ หลังประกันตีราคาแค่ 1,700 ดอลลาร์

กรณีของเจ้าของ Rivian R1T รายหนึ่งในสหรัฐฯ กำลังถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง หลังอุบัติเหตุความเร็วต่ำเพียงครั้งเดียวกลับนำไปสู่ค่าซ่อมที่สูงลิ่ว และขั้นตอนการเคลมประกันที่ยุ่งยากกว่าที่คาดไว้มาก ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาที่ผู้ใช้รถไฟฟ้ารุ่นนี้กำลังเผชิญเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อพนักงานของเจ้าของรถเผลอถอยชน R1T ของเขา ทำให้เกิดความเสียหายบริเวณแผงตัวถังด้านหลัง เหมือนจะเป็นงานซ่อมที่ไม่ซับซ้อน แต่สำหรับ Rivian แล้ว ความเสียหายลักษณะนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายเหมือนรถจากผู้ผลิตรายใหญ่ทั่วไป

แผงตัวถังด้านหลังของ R1T เป็นชิ้นงานชิ้นใหญ่ที่เชื่อมรวมกับหลังคา ทำให้การซ่อมไม่ได้เป็นเพียงการดึงหรือเคาะตัวถังแบบพื้นฐาน และในหลายกรณีก็ไม่สามารถใช้เทคนิคซ่อมแบบไม่ต้องพ่นสี (PDR) ได้เลย ซึ่งเป็นข้อจำกัดด้านโครงสร้างที่ส่งผลให้ค่าซ่อมสูงกว่ารถทั่วไปหลายเท่า

เดิมทีบริษัทประกันประเมินค่าซ่อมเพียง 1,700 ดอลลาร์ ซึ่งเจ้าของรถมองว่าไม่น่าเป็นไปได้ จึงติดต่อ Rivian โดยตรง และพบปัญหาใหม่ทันที คือมีอู่ซ่อมที่ได้รับการรับรองเพียงแห่งเดียวในรัศมีประมาณ 480 กิโลเมตร เมื่อส่งรถตรวจสอบ อู่ดังกล่าวประเมินค่าซ่อมสูงถึง 16,000 ดอลลาร์ และเมื่อเริ่มงานจริงก็พบความเสียหายเพิ่มเติม ทำให้ค่าใช้จ่ายพุ่งขึ้นเป็น 22,000 ดอลลาร์ พร้อมเวลาในการซ่อมรวมกว่าเจ็ดสัปดาห์

ปัญหายังไม่จบ เมื่อบริษัทประกันปฏิเสธจ่ายตามยอดจริง โดยยืนยันว่าค่าบริการของอู่สูงเกินไป และเสนอให้เพียง 13,000 ดอลลาร์เท่านั้น เจ้าของรถจึงต้องเลือกว่าจะจ่ายส่วนต่าง 9,000 ดอลลาร์เองหรือเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยที่อาจทำให้การรับรถล่าช้าไม่มีกำหนด เจ้าของรถตัดสินใจจ่ายเองเพื่อรับรถกลับมาก่อนแล้วดำเนินการอุทธรณ์ในภายหลัง

เขาส่งจดหมายอุทธรณ์หลายครั้ง แต่ถูกเมินเฉย จนกระทั่งยื่นร้องเรียนต่อสำนักงานรัฐ จึงได้รับการตอบกลับ พร้อมข้อเสนอเงินเพิ่มอีก 5,100 ดอลลาร์เพื่อยุติคดี ซึ่งหน่วยงานรัฐแนะนำให้รับข้อเสนอนี้ และเจ้าของก็ยอมจบเรื่องด้วยจำนวนดังกล่าว

เจ้าของ R1T กล่าวว่ารักรถคันนี้มาก แต่ปัญหาค่าซ่อมที่เกิดขึ้นนั้น “เหลือเชื่อเกินไป” และหวังว่า Rivian จะปรับปรุงการออกแบบเพื่อทำให้ค่าซ่อมในกรณีเกิดความเสียหายทั่วไปไม่สูงเกินความจำเป็น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ Rivian อีกจำนวนมากคงหวังเช่นเดียวกัน

ที่มา Carscoops