Nissan Serena ปรับโฉมใหม่ เลือกขนาดกระจังหน้าได้ พร้อมเทคโนโลยีและรุ่นย่อยมากขึ้น
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 20 ธ.ค. 68 22:29
- 1,025 อ่าน
Nissan อาจถอนตัวจากตลาดรถมินิแวนในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2017 หลังยุติการทำตลาด Quest เพื่อหันไปโฟกัสรถเอสยูวีอย่างจริงจัง แต่ในตลาดอื่นโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น รถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวยังคงมีบทบาทสำคัญ และหนึ่งในนั้นคือ Nissan Serena ที่ล่าสุดได้รับการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์อย่างเป็นทางการ

การปรับโฉมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก Serena เจเนอเรชันที่ 6 เปิดตัวมาแล้วราว 3 ปี โดยจุดเด่นอยู่ที่การปรับดีไซน์ภายนอก ระบบอินโฟเทนเมนต์ใหม่ที่รองรับ Google Built-in และการเพิ่มทางเลือกของรุ่นย่อยให้หลากหลายขึ้น ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานและขุมพลังยังคงใช้แพลตฟอร์มและเครื่องยนต์ชุดเดิม
ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุดอยู่ที่ด้านหน้า โดย Nissan ออกแบบกระจังหน้าใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ลากยาวลงมาถึงกันชนหน้า พร้อมลวดลายแบบไม่สมมาตรที่ให้ความรู้สึกคล้ายงานออกแบบระดับพรีเมียม เสริมด้วยช่องดักอากาศทรงสามเหลี่ยมและไฟหน้า LED แนวตั้งที่ดูคมขึ้น อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ใหม่นี้ไม่ได้ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย แต่จำกัดไว้เฉพาะรุ่นระดับสูงอย่าง Highway Star V, Autech Line และ e-Power Luxion เท่านั้น ส่วนรุ่นย่อยระดับล่างและระดับกลางยังคงใช้กระจังหน้าขนาดเล็กและดีไซน์เรียบแบบเดิม

สำหรับรุ่น Autech จะมาพร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่เช่นกัน แต่ปรับรายละเอียดโครเมียม ลวดลายไฟ LED ช่องรับอากาศ และชุดตกแต่งชายล่างให้ดูสปอร์ตและโดดเด่นยิ่งขึ้น ตอกย้ำภาพลักษณ์ความพรีเมียมและความแตกต่างจากรุ่นมาตรฐาน
ภายในห้องโดยสารแบบ 3 แถว รองรับผู้โดยสาร 7 หรือ 8 ที่นั่ง ยังคงโครงสร้างเดิมเป็นหลัก แต่เพิ่มทางเลือกเบาะนั่งแบบ Tailor Fit ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าปรับแต่งสไตล์ได้มากขึ้น หน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว ใช้ระบบ NissanConnect เวอร์ชันใหม่ที่ฝังบริการของ Google มาให้ในตัว ช่วยให้การใช้งานแอปและระบบนำทางสะดวกขึ้น แม้จะต้องแลกกับการยกเลิกฟังก์ชัน ProPilot NaviLink ออกจากรายการออปชัน แต่ระบบช่วยขับขี่ขั้นสูงได้รับการอัปเดต โดยเพิ่มฟีเจอร์อย่าง Intelligent Around View Monitor เวอร์ชันใหม่

Nissan ยังมีการปรับรายละเอียดการใช้งานบางจุด เช่น การตัดปุ่มควบคุมประตูสไลด์ไฟฟ้าในแถวที่สามออก แต่เพิ่มออปชันหน้าจอความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 15.6 นิ้ว ขณะที่เบาะกัปตันซีตไม่มีที่พักเท้าแบบติดตั้งมาให้จากโรงงานอีกต่อไป ผู้ที่ต้องการฟังก์ชันนี้จะต้องเลือกอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม
ด้านความอเนกประสงค์ รุ่น Multi Box และ Multi Bed ถูกพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะทาง โดย Multi Box เพิ่มกล่องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ด้านท้ายที่สามารถใช้เป็นม้านั่งหรือโต๊ะได้ ส่วน Multi Bed สามารถปรับพื้นที่ภายในให้กลายเป็นที่นอน เหมาะสำหรับการใช้งานแนวแคมป์ปิ้งแบบเบา ๆ

ขุมพลังยังคงเป็นชุดเดิม ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ ให้กำลัง 148 แรงม้า และระบบไฮบริด e-Power ที่ให้กำลังรวม 161 แรงม้า ทั้งสองแบบสามารถเลือกได้ทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ

Nissan Serena โฉมปรับใหม่เริ่มวางจำหน่ายแล้วในประเทศญี่ปุ่น โดยจะเริ่มส่งมอบรถในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2026 ราคาเริ่มต้นที่ 2,785,200 เยน สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน และสูงสุดที่ 5,099,600 เยน สำหรับรุ่น e-Power e-4ORCE Multi Bed Autech คู่แข่งหลักในตลาดประกอบด้วย Toyota Noah และ Voxy, Honda Step WGN รวมถึง Mitsubishi Delica D:5
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com




