แบตเตอรี่เก่าจากรถไฟฟ้า Stellantis ถูกชุบชีวิตใหม่ใน EV ดีไซน์โดย Italdesign จากกลุ่ม Volkswagen
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 18 ก.ย. 68 20:50
- 1,025 อ่าน
อุตสาหกรรมยานยนต์กำลังหาทางออกใหม่ให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่หมดอายุการใช้งาน และ Stellantis ก็ได้นำเสนอแนวทางที่เน้นการใช้งานเพื่อมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ด้วยการนำแบตเตอรี่จากรถไฟฟ้าที่ปลดระวางแล้วกลับมาใช้ใหม่ในยานยนต์ขนาดเล็กที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้รถเข็นและผู้ที่มีข้อจำกัดด้านการเคลื่อนไหว
โปรเจกต์นี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Stellantis และสตาร์ทอัพชื่อ Avathor ซึ่งพัฒนา EV ขนาดเล็กที่ออกแบบมาเฉพาะทางสำหรับการเข้าถึงและใช้งานอย่างปลอดภัย โดยมี Italdesign บริษัทออกแบบในเครือ Volkswagen Group เป็นผู้ออกแบบตัวรถ ทำให้ความร่วมมือครั้งนี้กลายเป็นความร่วมมือทางอ้อมระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการยานยนต์ที่ดูไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายนัก
ทั้ง Avathor และ Italdesign ตั้งอยู่ในเมืองตูริน ซึ่งยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ยุโรปของ Stellantis และโรงงาน Mirafiori จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้การเชื่อมโยงนี้เกิดขึ้นได้อย่างลงตัว
กระบวนการเริ่มต้นจากการที่ Stellantis รวบรวมแบตเตอรี่จากรถยนต์ไฟฟ้าที่หมดอายุการใช้งาน แล้วส่งไปยังบริษัท Intent S.r.l. ในตูริน ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านการรีไซเคิลของแบรนด์ เพื่อถอดแยกและปรับสภาพโมดูลแบตเตอรี่ขนาด 15 kWh ให้สามารถใช้งานในรูปแบบใหม่ได้ โดยสำหรับ Avathor One จะมีให้เลือกทั้งแบบแบตเตอรี่ขนาด 1.4 kWh สำหรับระยะสั้น และ 2.8 kWh สำหรับระยะไกล รองรับการวิ่งได้ไกลสูงสุดประมาณ 50 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 10 กม./ชม.
Avathor One เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีนี้ โดยพัฒนามาจากคอนเซปต์ WheeM-i ที่ Italdesign เคยนำเสนอในปี 2019 ตัวรถมีความยาวเพียง 1,486 มม. อัดแน่นด้วยอุปกรณ์มาตรฐานคล้ายรถยนต์ขนาดเล็ก เช่น ไฟหน้า LED กล้องมองหลัง ระบบหลีกเลี่ยงการชนที่สามารถตรวจจับได้ทั้งสิ่งกีดขวางและคนเดินเท้า พร้อมฟีเจอร์เฉพาะทางอย่างทางลาดสำหรับรถเข็น เบาะนั่งแบบเลื่อนเข้า-ออก และระบบควบคุมผ่านจอยสติ๊ก
ด้วยระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าทั้งหมด Avathor One สามารถวิ่งขึ้นทางชันได้ถึง 20% และไต่ระดับต่างๆ ได้สูงถึง 8 ซม. บริษัทวางแผนเปิดตัวในอิตาลีภายในปีนี้ ตามด้วยสเปนในปี 2026 และขยายสู่ตลาดอื่นในปี 2027
นอกจากโครงการ Avathor แล้ว Stellantis ยังเดินหน้าพัฒนาแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านแบรนด์ย่อย SUSTAINera โดยมีโครงการร่วมกับภาคพลังงาน เช่น ระบบ ENEL X Pioneer ที่ใช้แบตเตอรี่รีไซเคิลเพื่อกักเก็บพลังงานหมุนเวียนที่สนามบินฟิอูมิชิโน กรุงโรม ซึ่งคาดว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 16,000 ตันในระยะเวลา 10 ปี
แม้ว่า Stellantis จะไม่ใช่รายเดียวในวงการที่ลงทุนกับแบตเตอรี่ใช้แล้ว แต่ก็เป็นหนึ่งในผู้นำที่แสดงให้เห็นว่าการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ไม่เพียงแต่ช่วยลดขยะ แต่ยังสามารถสร้างนวัตกรรมที่เปลี่ยนชีวิตผู้คนได้จริง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มักถูกละเลยจากตลาดยานยนต์หลัก
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com