นายใหญ่ Toyota เผย รถไฮบริด 27 ล้านคัน ลด CO₂ เทียบเท่ารถ EV 9 ล้านคัน

อากิโอะ โตโยดะ ประธานบอร์ดบริหารของ Toyota เผยว่า รถยนต์ไฮบริดที่บริษัทจำหน่ายทั่วโลกตั้งแต่ปี 1997 จำนวนกว่า 27 ล้านคัน สามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้เทียบเท่ากับการมีรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 9 ล้านคัน

ไฮบริดดีกว่า EV ในบางประเทศที่ยังใช้พลังงานฟอสซิล

โตโยดะให้เหตุผลว่า การผลิตรถไฮบริดต้องใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่า และกระบวนการผลิตปล่อยคาร์บอนน้อยกว่ารถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ จึงทำให้ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าในหลายกรณี

เขายังกล่าวว่า “หากญี่ปุ่นผลิตรถ BEV 9 ล้านคันแทนไฮบริด จะกลับยิ่งทำให้ CO₂ เพิ่มขึ้น เนื่องจากประเทศยังพึ่งพา โรงไฟฟ้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ถึงกว่า 60%”

ญี่ปุ่นลดคาร์บอนสำเร็จ เพราะความแพร่หลายของรถไฮบริด

โตโยดะระบุว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวที่ลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 23% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยยกให้ “รถไฮบริด” เป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้สำเร็จ

แนวคิดโตโยต้า: คาร์บอนคือศัตรู ไม่ใช่แค่ผลัก BEV อย่างเดียว

โตโยต้าเน้นว่า บริษัทไม่เน้นเฉพาะการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียว แต่เลือกใช้แนวทาง “ทุกทางเลือก” เพื่อมุ่งลดคาร์บอนในทันที ไม่ใช่เพียงแค่ในอนาคต

โตโยดะกล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือ ลดคาร์บอนจากอากาศให้ได้เร็วที่สุด เราไม่จำเป็นต้องพึ่งแค่ BEV ทางเดียว แต่ต้องใช้ทุกทางที่เรามี ทั้งไฮบริด, BEV, ไฮโดรเจน และอื่น ๆ”

จาก Prius ถึง Corolla: การเติบโตของไลน์รถไฮบริด

โตโยต้าเปิดตัวรถไฮบริดรุ่นแรก Prius ในปี 1997 ก่อนขยายรุ่นไฮบริดสู่ Corolla, Camry, Yaris, RAV4 และ Kluger

ในเดือนมิถุนายน 2024 โตโยต้าออสเตรเลียประกาศให้รถยนต์นั่งทั้งหมดจะเป็นระบบไฮบริดเท่านั้น (ยกเว้นรุ่น GR และรถไฟฟ้า bZ4X)

โตโยต้าเชื่อในความสมดุล มากกว่าทางเลือกเดียว

โตโยดะปิดท้ายว่า “เราไม่ควรเชื่อว่า BEV คือคำตอบเดียว แต่ต้องมองให้รอบด้าน และใช้ทุกทางเลือกที่เรามีเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน”

ข้อมูลจาก Drive