สองโจรขโมย Porsche ในอังกฤษกวาดไป 25 คัน ก่อนถูกจับเพราะด่านจราจร

ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 เดือน ชายสองคนในสหราชอาณาจักรสามารถก่อเหตุขโมยรถ Porsche ได้อย่างเงียบเชียบทั่วพื้นที่ Greater Manchester ก่อนที่ปฏิบัติการซึ่งพวกเขาคิดว่าน่าจะทำเงินได้มหาศาล จะจบลงด้วยการถูกจับกุมและส่งตัวเข้าเรือนจำ ผู้ต้องหาทั้งสองคือ Eidmantas Sadauskas และ Vytautas Ceponis ซึ่งใช้วิธีการที่ซับซ้อนในการเจาะระบบรักษาความปลอดภัยของรถ โดยอาศัยอุปกรณ์และเครื่องมือเฉพาะทาง ทำให้สามารถปิดสัญญาณกันขโมย เข้าถึงตัวรถ เปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนใหม่ และขับหลบหนีออกไปโดยไม่เป็นที่สังเกต

การขโมยรถเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมกราคมและดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงเดือนตุลาคม โดยยอดรวมรถที่ถูกขโมยสูงถึง 25 คัน แม้เจ้าหน้าที่จะไม่เปิดเผยรายละเอียดว่าเป็น Porsche รุ่นใดบ้าง แต่จากมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 1 ล้านปอนด์ หรือราว 1.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ประเมินได้ว่ารถแต่ละคันมีมูลค่าเฉลี่ยราว 52,000 ดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ก่อเหตุไม่น่าจะเลือกเป้าหมายเป็น Porsche 911 รุ่นท็อปหรือรถหายาก แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็น Macan, Cayenne และอาจรวมถึง Panamera รุ่นพื้นฐานบางส่วน

ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใด ตำรวจเชื่อว่ารถทั้งหมดถูกขโมยเพื่อนำไปขายต่อ และอาจมีการลักลอบส่งออกไปต่างประเทศผ่านเครือข่ายผิดกฎหมาย ลักษณะของคดีสะท้อนให้เห็นถึงการทำงานแบบมืออาชีพ ที่เน้นจำนวนและความต่อเนื่องมากกว่าความหวือหวา เมื่อจำนวนรถ Porsche ที่หายไปเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจึงเริ่มสืบสวนอย่างจริงจัง จนนำไปสู่การปฏิบัติการของหน่วย Tactical Vehicle Intercept Unit ที่เข้าหยุดรถต้องสงสัยบนเส้นทางไปยัง Cheshire ในเวลาประมาณตีหนึ่งของวันที่ 16 ตุลาคม โดยรถคันดังกล่าวเคยเชื่อมโยงกับคดีขโมยรถหลายครั้งก่อนหน้านี้

ภายในรถ เจ้าหน้าที่พบ Sadauskas และ Ceponis พร้อมกุญแจรถเปล่า ไขควง ลูกบล็อก คีม และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ในการงัดแงะรถยนต์ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลยืนยันว่าทั้งคู่เคยอยู่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุขโมยรถหลายครั้ง เมื่อหลักฐานชัดเจน ผู้ต้องหาทั้งสองตัดสินใจรับสารภาพในข้อหาร่วมกันวางแผนขโมยยานยนต์ต่อศาล Minshull Street Crown Court เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน Sadauskas ถูกตัดสินจำคุก 4 ปีครึ่ง ขณะที่ Ceponis รับโทษจำคุก 4 ปี

ตำรวจ Greater Manchester ระบุว่าสามารถกู้คืนรถ Porsche ที่ถูกขโมยมาได้แล้วบางส่วน และยังคงติดตามรถที่เหลืออย่างต่อเนื่อง การสืบสวนครั้งนี้อาศัยการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดจำนวนมาก รวมถึงข้อมูลจากระบบอ่านป้ายทะเบียนอัตโนมัติ โดยเจ้าหน้าที่ชี้ว่านี่เป็นปฏิบัติการอาชญากรรมที่มีความซับซ้อน และทันทีที่ตรวจพบรูปแบบความผิดปกติ ก็ได้เร่งดำเนินการสืบสวนอย่างรอบด้านจนสามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ในที่สุด

ที่มา Carscoops