นโยบายใหม่ของทรัมป์เขย่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ค่ายใหญ่เลิกจ่ายพันล้านให้ Tesla และ Rivian

  • โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
  • 15 ก.ย. 68 21:14
  • 1,004 อ่าน

ปี 2025 กลายเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในสหรัฐฯ หลังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมามีบทบาทอีกครั้ง พร้อมนโยบายใหม่ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งระบบ โดยเฉพาะการยกเลิกเครดิตภาษีของรถยนต์ไฟฟ้า และการระงับค่าปรับตามข้อกำหนด CAFE (Corporate Average Fuel Economy) ซึ่งเคยเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ส่งเสริมการพัฒนา EV ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

Ford

ภายใต้นโยบายใหม่นี้ ค่ายรถยนต์ที่เน้นรถยนต์สันดาปภายใน (ICE) อย่าง Ford, General Motors (GM) และ Stellantis กลายเป็นผู้ได้ประโยชน์ทันที เพราะสามารถหันกลับมาผลิตและจำหน่ายรถกระบะและ SUV เครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลได้เต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าปรับจากการปล่อยคาร์บอนเกินเกณฑ์อีกต่อไป ตรงกันข้ามกับ Tesla, Rivian และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่น ๆ ที่กำลังเผชิญกับผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรง แม้ความต้องการในตลาดยังคงมีอยู่ แต่รายได้ก้อนโตจากการขายเครดิตคาร์บอนที่เคยพึ่งพาได้ถูกตัดขาดทันที

Bloomberg รายงานว่า ตั้งแต่ปี 2022 GM ได้ใช้เงินไปกว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการซื้อเครดิตทางสิ่งแวดล้อมจาก Tesla และ Rivian เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับจากการปล่อยมลพิษ ขณะที่ Ford และ Stellantis ก็ลงทุนในลักษณะเดียวกันมาหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนรายได้ “ฟรี” ของค่าย EV แต่หลังจากนโยบายใหม่นี้มีผล บรรดาบริษัทใหญ่สามารถหยุดการจ่ายเงินเหล่านี้และนำงบประมาณกลับไปลงทุนในรถยนต์สันดาปภายในอีกครั้ง

Jim Farley ซีอีโอของ Ford เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจเป็นโอกาสในการสร้างรายได้มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ โดย Ford ได้เริ่มปรับสายการผลิตที่โรงงาน Oakville ในแคนาดา เพื่อกลับมาผลิตรถกระบะ Super Duty แทนการผลิต EV GM ก็เดินหน้าแผนลดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และหันมาลงทุนในสายการผลิตรถยนต์เบนซินอย่างจริงจัง ขณะที่ Stellantis ถึงขั้นรื้อฟื้นเครื่องยนต์ HEMI V8 ที่เคยประกาศเลิกใช้ไปแล้วในยุคที่ทุกค่ายกำลังมุ่งหน้าสู่พลังงานสะอาด

Ford

ผลกระทบของนโยบายนี้ไม่ได้จบแค่กับค่ายใหญ่ แต่ยังส่งผลถึงแบรนด์ EV รายเล็กที่มีต้นทุนสูง และเคยพึ่งพาเครดิตภาษีเพื่อให้ราคารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น เช่น Slate ที่เปิดตัวรถกระบะขนาดเล็กในราคาเริ่มต้นประมาณ 30,000 ดอลลาร์ ซึ่งกลายเป็นราคาที่อาจสูงเกินไปเมื่อลูกค้าไม่ได้รับเครดิตภาษีสนับสนุนอีกต่อไป

แม้แต่ Tesla และ Rivian เองก็เคยอาศัยรายได้จากการขายเครดิตสิ่งแวดล้อมเป็นกำไรสำคัญ แต่รายได้ส่วนนี้ก็อาจหายไปในอนาคตอันใกล้ ขณะที่สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ (EPA) ซึ่งเคยมีบทบาทผลักดันนโยบายเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม กลับเลือกสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ ที่ย้อนแย้งกับพันธกิจที่ระบุไว้บนเว็บไซต์ของตนเองอย่างชัดเจน

แม้ในหน้าเว็บไซต์ EPA จะระบุว่ามีเป้าหมายในการ “ปกป้องสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม” และให้ข้อมูลสนับสนุนว่า EV ดีกว่ารถยนต์น้ำมันในระยะยาว ทั้งในแง่ของมลพิษและค่าใช้จ่าย แต่การสนับสนุนการลดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมกลับสวนทางกับเป้าหมายนั้นโดยสิ้นเชิง

การย้อนกลับนโยบายสิ่งแวดล้อมในครั้งนี้อาจทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสะดุดลงในช่วงเวลาสำคัญ ขณะที่ผู้บริโภคจำนวนมากอาจต้องกลับมาซื้อรถยนต์สันดาปที่กินน้ำมันมากขึ้น และอุตสาหกรรมโดยรวมอาจสูญเสียโอกาสในการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคตอันใกล้

ที่มา Carscoops

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ