ยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วโลกพุ่งเกือบ 30% ในปีนี้ แม้เผชิญแรงกดดันจากภาษีนำเข้า

ยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2025 แม้จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากภาษีนำเข้าที่เพิ่งประกาศใช้ โดยยอดรวมของรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้แตะระดับ 5.6 ล้านคัน เพิ่มขึ้นเกือบ 30% จากช่วงเดียวกันของปี 2024 ตามข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ตลาด RhoMotion

เฉพาะในเดือนเมษายน 2025 มียอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั่วโลกถึง 1.5 ล้านคัน แม้จะลดลงราว 12% จากเดือนมีนาคม แต่ยังคงสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 29% สะท้อนถึงความต้องการในตลาดที่ยังแข็งแกร่ง แม้จะเริ่มคลายตัวหลังผู้บริโภคเร่งซื้อก่อนภาษีใหม่มีผลเต็มรูปแบบ
จีน ยังคงครองแชมป์ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยยอดขายสะสมในปีนี้ 3.3 ล้านคัน เติบโตถึง 35% เทียบกับปีก่อน แม้ยอดขายเดือนเมษายนจะลดลงเล็กน้อย 9% จากเดือนก่อนหน้า แต่ยังเพิ่มขึ้น 32% จากเดือนเมษายน 2024

ด้าน ยุโรป ซึ่งเคยประสบปัญหาตลาดชะลอตัวในปี 2024 กลับมาฟื้นตัวได้ดีในปีนี้ โดยยอดขาย BEV และ PHEV รวมกันในช่วง 4 เดือนแรกอยู่ที่ 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นถึง 25% โดย BEV เติบโตมากกว่าที่ 29% ขณะที่ PHEV โต 16% เยอรมนี (+42%), อิตาลี (+56%), สเปน (+57%) และสหราชอาณาจักร (+32%) ต่างรายงานยอดขายที่เติบโตอย่างโดดเด่น มีเพียงฝรั่งเศสที่ยอดขายลดลง 14% เนื่องจากการลดเงินสนับสนุนจากรัฐบาล

อเมริกาเหนือ แม้จะเติบโตไม่หวือหวาเท่าจีนหรือยุโรป แต่ยังคงขยายตัวได้อย่างมั่นคง โดยมียอดขายรวมราว 600,000 คันในปีนี้ เพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้ว โดยเฉพาะใน เม็กซิโก ที่ยอดขายเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในช่วงเวลาเดียวกัน
แม้ว่าการเจรจาเกี่ยวกับภาษีจะยังเป็นประเด็นใหญ่ในวงการ EV ทั่วโลก 

แต่ผู้ผลิตภายในประเทศในจีนและยุโรปยังคงเติบโตได้ดีและขยายส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง โดย Charles Lester ผู้จัดการฝ่ายข้อมูลของ RhoMotion ชี้ว่า “ในขณะที่ทุกคนจับตามองการเจรจาด้านภาษี แต่ผู้ผลิตในจีนและยุโรปยังเดินหน้าทำผลงานอย่างเงียบ ๆ และยึดตลาดได้อย่างแข็งแกร่ง”

การเติบโตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปีนี้จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า ตลาดยานยนต์กำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคไฟฟ้าอย่างแท้จริง และน่าจะเป็นเทรนด์สำคัญที่ผู้ผลิตทั่วโลกต้องจับตาอย่างใกล้ชิดในช่วงครึ่งปีหลัง

ที่มา Carscoops