เกาหลีใต้สอบสวนกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชน หลังเจ้าหน้าที่ ICE สหรัฐฯ บุกจับแรงงานโรงงานร่วมทุน Hyundai-LG ขณะทรัมป์เรียกร้องต่างชาติเพิ่มการลงทุนในอเมริกา
- โดย : รัฐศิลป์ รัตนกู้เกียรติ
- 18 ก.ย. 68 20:52
- 1,035 อ่าน
กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้กำลังเปิดการสอบสวนกรณีที่แรงงานชาวเกาหลี 316 คน ซึ่งทำงานในโรงงานแบตเตอรี่ร่วมทุนระหว่าง Hyundai และ LG Energy Solution ในรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ (ICE) ควบคุมตัวและกักขังนานหลายวัน โดยมีข้อสงสัยว่าอาจมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือสร้างความไม่สะดวกต่อพลเมืองของตน
หลังจากแรงงานกลุ่มดังกล่าวเดินทางกลับถึงเกาหลีใต้ หลายคนได้ให้ข้อมูลว่าตนเองถูกปฏิบัติไม่ต่างจากผู้กระทำผิดทางอาญา บางรายระบุว่าถูกใส่กุญแจมือและพาไปกักตัวที่ศูนย์กักกันในเมืองโฟล์กสโตน รัฐจอร์เจีย โดยไม่มีการอธิบายอย่างชัดเจนถึงเอกสารที่ถูกขอให้ลงนาม นอกจากนี้ยังมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการเข้าถึงยารักษาโรคและสิทธิในการติดต่อทางโทรศัพท์
โฆษกรัฐบาลเกาหลีใต้ คัง ยูจอง แถลงว่า รัฐบาลจะติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยจะร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อประเมินสถานการณ์ และหากจำเป็นก็พร้อมจะดำเนินการทางการทูตเพื่อปกป้องสิทธิของพลเมืองของตน ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศอีกคนหนึ่งกล่าวว่า การตรวจสอบเบื้องต้นในสถานกักกันยังไม่พบหลักฐานการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ชัดเจน แต่ก็มี “ประเด็นที่น่ากังวล” ที่ไม่อาจมองข้ามได้
ด้านเจ้าหน้าที่ ICE ยืนยันว่าการจับกุมและการบุกตรวจสอบเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยผู้ที่ถูกควบคุมตัวส่วนหนึ่งทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง หรือพำนักอยู่ในสหรัฐฯ หลังวีซ่าหมดอายุ ขณะที่ Hyundai ชี้แจงว่าผู้ที่ถูกจับกุมไม่ใช่พนักงานของบริษัทโดยตรง ส่วน LG Energy Solution ระบุว่าบางรายมีวีซ่าถูกต้อง หรือเดินทางเข้ามาภายใต้โครงการยกเว้นวีซ่า
ในช่วงที่กระแสดราม่ากำลังรุนแรง อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ชี้แจงผ่านโซเชียลมีเดียว่า เขาไม่ต้องการให้เหตุการณ์นี้ทำให้นักลงทุนต่างชาติหวาดกลัวหรือถอดใจจากการลงทุนในสหรัฐฯ โดยเสนอแนวทางว่าแรงงานจากต่างประเทศที่มีทักษะสูงควรได้รับอนุญาตให้เข้ามาชั่วคราวเพื่อฝึกอบรมแรงงานท้องถิ่นก่อนกลับประเทศเดิม พร้อมย้ำว่า “ผมไม่ต้องการขัดขวางการลงทุนจากต่างประเทศในอเมริกา เพราะพวกเขาคือผู้สร้างนวัตกรรมที่เราต้องการเรียนรู้และถ่ายทอด”
ในระยะยาว รัฐบาลเกาหลีใต้อาจใช้ช่องทางการทูตเพื่อหารือกับสหรัฐฯ ในกรณีนี้ ขณะเดียวกันยังต้องประสานกับบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจรายละเอียดเชิงลึก โดยเฉพาะเมื่อแรงงานเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตให้กับโรงงานในสหรัฐฯ ที่ได้รับการสนับสนุนจากนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม EV ของรัฐบาลอเมริกันเอง
เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งกรณีที่สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯ ในบริบทของการลงทุนข้ามชาติ ขณะเดียวกันยังชี้ให้เห็นถึงความตึงเครียดที่อาจเกิดขึ้นเมื่อการบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นกระทบต่อผู้มีบทบาทในระบบเศรษฐกิจโลก
ที่มา Carscoops
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com