วิชา - ดูรถแข่ง F1 ให้สนุก 101 ตอนที่ 2: เข้าใจโครงสร้างและระบบที่ทำให้รถเร็วสุดขั้ว
- โดย : พิสน ลีละหุต
- 4 มิ.ย. 68 12:57
- 1,026 อ่าน
รถแข่ง F1 ถือเป็นสุดยอดเทคโนโลยียานยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อทำความเร็วสูงสุดบนสนามแข่ง ทุกองค์ประกอบของรถได้รับการออกแบบอย่างละเอียดเพื่อให้เกิด แรงกดอากาศ (Downforce), ลดแรงต้านลม (Drag), และเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด ในการแข่งขัน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับพื้นฐานเทคนิคของรถ F1 ตั้งแต่โครงสร้างหลักไปจนถึงระบบพิเศษที่ช่วยให้รถวิ่งเร็วขึ้น
อ่าน วิชา - ดูรถแข่ง F1 ให้สนุก 101 ตอนที่ 1 : รูปแบบการแข่งขันเบื้องต้น ได้ที่นี่
องค์ประกอบหลักของรถ F1
1. เครื่องยนต์ (Power Unit - PU)
รถ F1 ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด 1.6 ลิตร V6 เทอร์โบชาร์จ ผสานกับระบบพลังงานไฟฟ้าเพื่อความแรงและประหยัดพลังงาน ซึ่งมีการผสมผสานกันอย่างลงตัวของหลากหลายองค์ประกอบของเครื่องยนต์ สามารถแบ่งออกเป็นส่วนประกอบใหญ่ที่สำคัญดังต่อไปนี้
ส่วนประกอบหลักของเครื่องยนต์ F1 (PU)
- Internal Combustion Engine (ICE): เครื่องยนต์สันดาปภายใน
- Turbocharger (TC): ระบบอัดอากาศเพื่อเพิ่มแรงม้า
- Motor Generator Unit - Kinetic (MGU-K): ระบบเก็บพลังงานจากการเบรก
- Motor Generator Unit - Heat (MGU-H): ระบบเปลี่ยนความร้อนจากไอเสียเป็นพลังงานไฟฟ้า
- Energy Store (ES): แบตเตอรี่เก็บพลังงาน
- Control Electronics (CE): ระบบควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์
รถ F1 มีแรงม้าประมาณ 1,000 แรงม้า และสามารถเร่งจาก 0-200 กม./ชม. ได้ในเวลาน้อยกว่า 5 วินาที!
2. แชสซีส์ (Chassis) และโครงสร้างตัวถัง
แชสซีส์ของรถ F1 ทำจาก คาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fiber) ซึ่งเป็นวัสดุที่แข็งแรงแต่มีน้ำหนักเบามาก ช่วยให้รถแข็งแกร่งและปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
- โครงสร้างแชสซีส์ต้องผ่านการทดสอบความปลอดภัยจาก FIA
- มี Halo System ซึ่งเป็นอุปกรณ์ป้องกันศีรษะของนักแข่ง (อ่านรายละเอียดของ HALO ได้ที่นี่)
3. ระบบแอร์โรไดนามิกส์ (Aerodynamics)
การออกแบบตัวรถให้ลดแรงต้านอากาศ (Drag) และเพิ่มแรงกดอากาศ (Downforce) เป็นสิ่งสำคัญในการทำให้รถ F1 เกาะถนนและเข้าโค้งได้เร็ว มีชิ้นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดแรงทั้ง 2 อย่างได้จากอุปกรณ์เหล่านี้
- Front Wing & Rear Wing: ปีกหน้าและปีกหลังช่วยควบคุมการไหลเวียนของอากาศ
- Diffuser: ส่วนท้ายของรถที่ช่วยเร่งการไหลของอากาศใต้ท้องรถ ทำให้เกิดแรงกด
- Ground Effect: เทคโนโลยีที่ช่วยให้รถดูดติดกับพื้นสนามมากขึ้น
4. ยาง Pirelli และกลยุทธ์เปลี่ยนยาง
ยาง (Tyres) เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อความเร็วและกลยุทธ์การแข่งขันโดยตรง
ประเภทของยาง Pirelli
F1 ใช้ยางจาก Pirelli ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก
- Slick Tire (ยางแห้ง): ใช้แข่งในสภาพแห้ง มี 6 ระดับความนุ่ม (C1 – C6) ตัวยางจะไม่มีดอกยาง เพื่อให้หน้ายางสัมผัสกับตัวถนนให้ได้มากที่สุด รองรับความเร็วและการเกาะถนนในช่วงทางตรงและทางโค้งได้อย่างดีที่สุด
- Soft (นุ่ม - สีแดง): เกาะถนนดี แต่สึกหรอง่าย
- Medium (กลาง - สีเหลือง): สมดุลระหว่างความเร็วและความทนทาน
- Hard (แข็ง - สีขาว): ทนทานที่สุด แต่เกาะถนนน้อยกว่าประเภทอื่น
- Wet Tyres (ยางฝน): ใช้ในสภาพฝนตก จะมีดอกยางเพื่อเอาไว้ใช้รีดน้ำออก คล้ายกับยางที่ใช้งานบนถนนทั่วไป
- Intermediate (เขียว): ใช้กับสนามที่เปียกเล็กน้อย
- Full Wet (ฟ้า): ใช้กับสนามที่มีน้ำขังมาก
กลยุทธ์การเปลี่ยนยาง (Pit Stop Strategy)
- นักแข่งต้องเปลี่ยนยางอย่างน้อย 1 ครั้งต่อการแข่งขัน ถ้าสนามเป็นสภาพแห้ง และจะต้องเป็น Compound หรือความนุ่มที่แตกต่างกัน
- กรณีสนามเปียก แล้วกรรมการประกาศให้เป็น Wet Race กติการะบุเอาไว้ว่า ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนยางตลอดการแข่งขันเลยก็ได้ หรือถ้าเปลี่ยนแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ยางที่มี Compound ที่แตกต่างกัน
- ทีมจะใช้กลยุทธ์ Undercut หรือ Overcut เพื่อลดเวลาเสียเปรียบจากการเปลี่ยนยาง
- Undercut: เปลี่ยนยางก่อนคู่แข่งเพื่อใช้ยางใหม่วิ่งทำเวลาที่ดีกว่า
- Overcut: วิ่งต่อไปให้นานขึ้นเพื่อให้ได้รอบที่เร็วที่สุดก่อนเปลี่ยนยาง
Pit Stop ใช้เวลาประมาณ 2-3 วินาที (ไม่รวมเวลาในการวิ่งอยู่ใน Pit Lane) แต่หากมีปัญหา อาจทำให้เสียเวลาหลายวินาทีจนเสียตำแหน่งได้
5. ระบบ DRS (Drag Reduction System)
DRS (Drag Reduction System) เป็นระบบที่ช่วยลดแรงต้านลมเพื่อเพิ่มความเร็วบนทางตรง จะทำการติดตั้งอยู่บนปีกด้านหลังของตัวรถ ซึ่งเมื่อทำการขับแข่งขันปกติ ตัวปีกจะทำการปิดเพื่อสร้างแรงกดให้กับตัวรถ
วิธีการทำงานของ DRS
• เมื่อกดปุ่ม DRS ปีกหลังของรถจะเปิดออก เพื่อลดแรงต้านลม ทำให้รถเร็วขึ้น 7-20 กม./ชม.
• สามารถใช้ได้ใน DRS Zone ซึ่งกำหนดโดย FIA และจะเปิดใช้งานได้เมื่อกรรมการอนุญาตให้ใช้งานได้แล้วเท่านั้น
เงื่อนไขการใช้ DRS
• นักแข่งต้องอยู่ในระยะ ไม่เกิน 1 วินาที จากรถคันหน้า
• ใช้ได้เฉพาะในพื้นที่ที่กำหนดบนสนาม (DRS Zone)
• ไม่สามารถใช้ได้ในรอบแรกของการแข่งขัน หรือหากมีสภาพอากาศเปียก
หากเข้าใจพื้นฐานเหล่านี้แล้ว การดู F1 จะสนุกและลุ้นมากขึ้นแน่นอน!
อ่าน วิชา - ดูรถแข่ง F1 ให้สนุก 101 ตอนที่ 1 : รูปแบบการแข่งขันเบื้องต้น ได้ที่นี่
ภาพจาก F1
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com