BMW Driving Experience 2017 ขับขี่ปลอดภัยด้วยหลักสูตรนักแข่ง

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 27 มิ.ย. 60
  • 6,501 อ่าน

เพียงเสี้ยววินาทีที่เกิดขึ้นบนถนน อาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ จะเกิดจากตัวเราเองหรือจากคนอื่นที่ขับรถโดยประมาทก็ตาม ซึ่งอุบัติเหตุเหล่านี้ นอกเหนือจากความประมาทแล้ว ทักษะในการขับขี่ก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าผู้ขับขี่มีประสบการณ์ในการขับรถยนต์มากพอ ในบางกรณีก็จะช่วยหลีกเลี่ยงเหตุไม่ให้เกิดขึ้นได้ หรืออาจทำให้เหตุจากหนักกลายเป็นเบาลงได้

BMW Driving Experience 2017

ด้วยการเห็นความสำคัญของทักษะในการขับรถ ทาง BMW จึงได้จัดการอบรมหลักสูตร BMW Driving Experience ที่ช่วยเสริมทักษะในการขับขี่ให้แก่ผู้ที่ใช้รถยนต์ BMW ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม The Ultimate JOY Experience ที่นำเสนอที่สุดของประสบการณ์การใช้ชีวิต ทั้งกิจกรรมไลฟ์สไตล์ในประเทศ และทริปสู่จุดหมายอันสุดตระการตาทั่วโลกที่เลือกสรรมาเพื่อลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูโดยเฉพาะ โดยหลักสูตร BMW Driving Experience นี้ มีจุดกำเนิดจากหลักสูตรสำหรับฝึกนักแข่งรถ แต่ทาง BMW มองเห็นว่า ถ้าผู้ขับขี่บนท้องถนนซึ่งมีอัตราความเสี่ยงน้อยกว่าในสนามแข่ง มีทักษะการขับขี่ใกล้เคียงกับนักแข่ง ก็น่าจะช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นบนถนนได้ จึงได้เกิดหลักสูตรนี้ขึ้นมาเมื่อ 40 ปีที่แล้ว

BMW Driving Experience 2017

ในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน ทาง BMW ก็เปิดหลักสูตร BMW Driving Experience 2017 เพื่อเพิ่มทักษะการขับขี่แก่ลูกค้าที่สนใจ และก็ได้เชิญกองทัพสื่อมวลชนเข้ามาสัมผัสหลักสูตรนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งการจัดครั้งนี้มีขึ้นที่สนามทดสอบไทยบริดจสโตน จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นสนามที่ออกแบบเพื่อการทดสอบและฝึกอบรมทางด้านการขับขี่โดยเฉพาะ เริ่มต้นจากคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวต้อนรับสื่อมวลชนทุกท่าน และแนะนำรถยนต์ที่จะใช้ในหลักสูตรนี้ นั่นก็คือ BMW 330e M Sport รถยนต์ Plug-in Hybrid รถยนต์ซีดานสไตล์สปอร์ต มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ บีเอ็มดับเบิลยู TwinPower Turbo 184 แรงม้า พร้อมแรงบิด 290 นิวตันเมตร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 89 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

BMW Driving Experience 2017

ต่อด้วยคุณเศรษฐิพงศ์ อนุตรโสตถิ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย กล่าวถึง กิจกรรม BMW Driving Experience 2017 ว่ามีความเป็นมาอย่างไร และวันนี้หลักสูตรเบื้องต้นสำหรับสื่อมวลชนจะเป็นอย่างไรบ้าง สุดท้ายก่อนเริ่มหลักสูตร Instructor ก็ได้กล่าวถึงแต่ละสถานีว่า วันนี้เราจะได้เรียนรู้เรื่องอะไรกันบ้าง หลังจากได้รับทราบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาลงบนสนามจริงแล้ว

BMW Driving Experience 2017

หลักสูตร BMW Driving Experience 2017 เริ่มเรียนรู้กันตั้งแต่ วิธีการปรับท่านั่งให้ถูกต้อง และวิธีจับพวงมาลัย หลังจากเรียนรู้แล้ว ก็เริ่มเข้าสู่สถานีฝึกหัดจริงทันที มีทั้งการฝึกหักหลบกะทันหัน, การเบรกกะทันหัน, การเปลี่ยนเลนกะทันหัน แต่ที่เป็นไฮไลท์มากที่สุดของหลักสูตรวันนี้ จะเป็นหลักสูตรวิธีการแก้อาการหน้าดื้อ (Understeer) และอาการท้ายปัด (Oversteer) ซึ่งสนามทดสอบไทยบริดจสโตนแห่งนี้ มีสนามที่ใช้เรียนรู้โดยเฉพาะ Instructor หลักสูตรนี้ได้บอกว่า การที่เราจะเรียนรู้วิธีแก้ไข เราต้องลองเจอกับเหตุการณ์จริงนั้นๆก่อน เริ่มต้นจากการแก้อาการหน้าดื้อ ด้วยการปิดระบบความช่วยเหลือ DSC (Dynamic Stability Control) แล้วขับรถวนเป็นวงกลมในสนามที่กำหนด จากนั้นให้ประคองพวงมาลัยให้อยู่ในตำแหน่งเดิม แล้วค่อยๆเพิ่มความเร็วไปเรื่อยๆ รถจะเริ่มแถออกด้านนอกไปเรื่อยๆ อาการแบบนี้คืออาการหน้าดื้อ เกิดจากที่เราเข้าโค้งเร็วเกินกว่าที่ควรจะเป็น จนทำให้หน้ายางสัมผัสถนนได้น้อยลง รถจึงไหลออกไปนอกเส้นทาง ไม่ไปตามที่พวงมาลัยสั่ง วิธีการแก้ก็คือ ให้ถอนเท้าออกจากคันเร่ง แล้วประคองพวงมาลัยให้นิ่ง ตัวรถก็จะกลับมาในเส้นทางเอง แต่ถ้าดูแล้วกำลังจะตกถนน ให้ค่อยๆแตะเบรก เพื่อให้รถกลับมาอยู่ในเส้นทางเร็วขึ้น

BMW Driving Experience 2017

ต่อมาคือการฝึกวิธีแก้ไขอาการท้ายปัด หรือ Oversteer โดยสนามแห่งนี้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อให้รถสามารถเกิดอาการนี้ได้อย่างง่ายดาย เริ่มต้นด้วยการขับวนในจุดที่กำหนดไว้ จากนั้นให้กดคันเร่งแรงๆไป 1 ครั้ง ตัวท้ายก็จะปัดออกไปด้านข้างทันที วิธีการแก้ก็คือ ให้ยกเท้าออกจากคันเร่งทันที ในขณะเดียวกันก็ให้หมุนพวงมาลัยไปตามเส้นทางที่เราจะไป หรือหันไปตามทิศที่ท้ายปัดออกไปนั่นเอง

BMW Driving Experience 2017

หลังการฝึกแก้อาการทั้งหน้าดื้อและท้ายปัดแล้ว ทาง Instructor ก็ให้เปิดระบบความปลอดภัยของ BMW 330e M Sport กลับมาทั้งหมด แล้วให้ลองขับเพื่อทำให้เกิดอาการหน้าดื้อ ท้ายปัดเหมือนเดิม แต่เมื่อทำการทดสอบแล้ว ปรากฏว่า ระบบของตัวรถจะทำการดึงเอาไว้ ทั้งลดกำลังเครื่อง หรือจับเบรกในบางจังหวะแบบอิสระออกจากกัน 4 ล้อ เพื่อให้รถสามารถยังทรงตัวให้อยู่ในเส้นทางได้เช่นเดิม

BMW Driving Experience 2017

ปิดท้ายด้วยการแข่งขันแบบเบาๆระหว่างผู้เข้าร่วมอบรมด้วยการเข้า Slalom แล้วจับเวลา โดยมีโจทย์ว่าห้ามปิดระบบความปลอดภัย, ห้ามดึงเบรกมือ และที่สำคัญ มือต้องอยู่ในจุดที่ถูกต้องตลอดการขับขี่ สร้างความสนุกสนานให้กับทัพสื่อมวลชนได้อย่างดี ก่อนที่จะปิดหลักสูตร BMW Driving Experience 2017 กันไปด้วยทักษะในการขับที่มากขึ้นและความสนุกสนานตลอดวัน

BMW Driving Experience 2017

BMW Driving Experience 2017 ถือได้ว่าเป็นหลักสูตรที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับการขับรถยนต์ในชีวิตประจำวัน ซึ่งการสอนในครั้งนี้ ไม่ได้เน้นที่การแก้ไขอาการที่จะเกิดขึ้น แต่เน้นที่การหลีกเลี่ยงเหตุที่จะเกิดขึ้นมากกว่า เช่น ถ้าเรารู้อยู่แล้วว่าถ้าเข้าโค้งในความเร็วสูง ก็จะเกิดอาการหน้าดื้อหรือแหกโค้งได้ เราก็ควรลดความเร็วมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมกับการเข้าโค้งนั้นๆแทน แต่ทักษะการแก้ไขถ้ามีไว้ติดตัว ก็จะสามารถช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้เมื่อเหตุนั้นๆมันมาถึงเราโดยที่ไม่รู้ตัว สำหรับลูกค้าของ BMW ท่านไหนสนใจอยากเรียนรู้หลักสูตรนี้บ้าง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.BMWultimateJOY.com

BMW Driving Experience 2017

เรียบเรียงโดย Earthpark02

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com 

5 เรื่องน่าสนใจ