วิจัยกสิกรไทย ชี้ตลาดรถยนต์ไทย ยังฟื้นลำบากคาดหดตัว 2% ปีนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ตลาดรถยนต์ไทยยังไม่กระเตื้อง หลังปัจจัยลบสะสม โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนและราคาพืชผลตกต่ำยาว

 

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ตลาดรถยนต์ไทยยังไม่กระเตื้อง หลังปัจจัยลบสะสม โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนและราคาพืชผลตกต่ำยาว   

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยรายงานตลาดรถยนต์ประจำปี พ.ศ.  2558   ว่า โอกาสในการฟื้นตัวน่าจะยังคงเป็นไปอย่างยากลำบากอยู่ โดยคาดว่ามีโอกาสที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศอาจอยู่ที่ระหว่างหดตัวร้อยละ 2 ถึง 7 หรือคิดเป็นยอดขายรถยนต์ 820,000 ถึง 860,000 คัน

โดยหากแยกเป็นประเภทรถยนต์แล้ว คาดว่าตลาดรถยนต์นั่งทั้งปี 2558 มีโอกาสทำตัวเลขยอดจำหน่ายได้ที่ระหว่าง 385,000 ถึง 404,000 คัน หรืออยู่ระหว่างหดตัวร้อยละ 2 ถึง 6 ขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ทั้งปี 2558 มีโอกาสทำตัวเลขยอดจำหน่ายได้ที่ระหว่าง 435,000 ถึง 456,000 คัน หรืออยู่ระหว่างหดตัวร้อยละ 3 ถึง 7

ตามรายงานดังล่าวยังระบุต่อไปว่า สาเหตุที่ตลาดรถยนต์นั่งอาจหดตัวน้อยกว่ารถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ส่วนหนึ่งมาจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ตลาดรถยนต์อาจจะต้องเผชิญกับการหดตัวที่มากกว่าร้อยละ 10 ซึ่งยังเป็นการหดตัวสูงในระดับตัวเลข 2 หลักต่อเนื่องมาจากปี 2557

ในขณะที่ตลาดรถยนต์ยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลักมากมาย ไม่ว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังสะสม ราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะ ข้าวและยางพาราที่ยังตกต่ำต่อเนื่อง เกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น ส่วนเศรษฐกิจต่างประเทศก็ยังน่ากังวล โดยเฉพาะด้านการส่งออกฟื้นตัวอย่างจำกัด ขณะที่ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ล่าช้ากว่าที่คาด

ประเด็นสำคัญอีกประการคงไม่พ้นจำนวนรถมือสองใหม่ๆ ที่หลุดไฟแนนซ์เข้ามาแข่งขันในตลาดจำนวนมาก จะเป็นแรงกดดันสำคัญในปีนี้เช่นกัน แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกอยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ที่เริ่มใช้ตั้งแต่ต้นปีหน้า และการออกแคมเปญกระตุ้นการซื้อด้วยการลดค่างวดให้ถูกลงของค่ายรถต่างๆ อีกทั้งยังมีเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ไปจนถึงการเปิดเสรีการค้าภายใต้กรอบ AEC ที่จะทำให้ทิศทางการค้าและการท่องเที่ยวบริเวณชายแดน รวมถึงการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ยังมีเรื่องแนวทางการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจเพิ่มเข้ามาในปีนี้ด้วย

 ทั้งนี้ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทย ทิ้งท้ายว่า กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องที่อาจได้รับผลกระทบมีทั้งดีลเลอร์รถยนต์ในบางจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคใต้ รวมถึงการจำหน่ายรถยนต์บางประเภท เช่น รถยนต์อีโคคาร์ และรถกระบะส่วนใหญ่ ที่อาจจะต้องเผชิญกับปัจจัยลบที่มากกว่ากลุ่มอื่นๆ ก็น่าจะยังคงต้องบริหารสต็อกรถยนต์อย่างระมัดระวังต่อเนื่องจากปีก่อน ขณะที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวอาจต้องปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดที่ชะลอตัวด้วย

 

ที่มา  ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

ติดตามข่าวสารยานยนต์ รวดเร็วก่อนใคร ได้ที่ Autodeft.com