ทำความรู้จักเทคโนโลยีระบบใหม่ V2X บนรถยนต์ ที่จะเพิ่มการขับขี่ที่ปลอดภัยในอนาคต

  • โดย : พิสน ลีละหุต
  • 12 พ.ค. 64
  • 8,934 อ่าน

เราคงเคยได้เห็นโฆษณาระบบการสื่อสาร 5G กันมาเยอะแล้ว และได้เห็นการทำงานว่ามีเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีบนรถยนต์ด้วย วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับระบบนี้กันให้มากขึ้น ดูกันว่าจะช่วยให้เราปลอดภัยในการใช้งานรถยนต์ได้อย่างไร

V2X คืออะไร

ระบบบนรถยนต์ในปัจจุบันนี้ ที่มีการรับข้อมูลมาจากภายนอก ทั้งระบบ Navigator, Infotainment เป็นต้น แต่เมื่อมาถึงยุคปัจจุบัน ก็ได้มีแนวคิดที่จะสื่อสารแบบไปกลับ โดยที่ตัวรถเองก็สามารถสื่อสารออกไปได้ ไม่ได้ทำหน้าที่รับข้อมูลอย่างเดียว จึงได้มีแนวคิดถึงการสื่อสารระหว่างกันของรถกับรถด้วยกัน หรือที่เรียกกันว่า Vehicle-to-vehicle (V2V) ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ และได้มีการต่อยอดมาถึง V2X หรือ Vehicle-to-everything ที่เป็นระบบที่ใช้การสื่อสาร 5G จากตัวรถ ติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันแบบไปกลับได้ เพื่อให้รถและอุปกรณ์ที่สื่อสารกันได้รับรู้ข้อมูลของกันและกัน จะได้ทำการเตือนหรือแจ้งให้กับอุปกรณ์อื่นได้ทำการเตรียมตัวรองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ภายในเสี้ยววินาที แต่คำว่า everything ของ V2X จะติดต่อกับอะไรได้บ้าง และจะให้ประโยชน์ได้อย่างไร ลองดูได้ตามหัวข้อต่อไปนี้

V2V

Vehicle-to-Vehicle (V2V)

ระบบการสื่อสารกันระหว่างรถต่อรถ ซึ่งแนวคิดนี้ในปัจจุบันจะอาศัยความรวดเร็วของการโอนถ่ายข้อมูลของระบบ 5G ในการสื่อสาร โดยแต่ละคันจะมีการเก็บข้อมูลการขับขี่ของตัวเองเอาไว้ เช่น ระดับความเร็ว, ตำแหน่งตัวรถ, ระดับการกดเบรกของคนขับ เป็นต้น แล้วแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันและกันระหว่างรถด้วยกันเองในระยะที่กำหนดเอาไว้ ดังนั้นรถจะรับรู้ได้ว่า รถที่อยู่ข้าง ๆ อยู่ในระยะที่ปลอดภัยกับรถของเราหรือไม่ ถ้ามีแนวโน้มว่าจะวิ่งเข้ามาใกล้จนอาจเกิดการปะทะได้ รถจะมีการเตือนคนขับให้รับทราบ หรือทำการปรับปรุงเส้นทางของตัวเองโดยอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ หรือการรับทราบว่าด้านหน้ามีการเบรกกะทันหัน รถด้านหลังก็จะรับรู้และมีการเตรียมเบรกล่วงหน้าเอาไว้ก่อนที่จะเกิดการปะทะ เป็นต้น โดยระบบนี้มีการตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า จะสามารถดูแลรถตัวเองเหมือนการสร้างเกราะปกป้องตัวรถเอาไว้ได้ 360 องศารอบคัน

V2I

Vehicle-to-Infrastructure (V2I)

ระบบนี้จะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่ากันของรถกับอุปกรณ์โครงสร้างพื้นฐาน ที่อยู่ระหว่าง 2 ข้างทาง เช่น กล้องวงจรปิด, สัญญาณไฟจราจร, เส้นจราจร เป็นต้น เพื่อให้มีความปลอดภัยในการเดินทางให้มากยิ่งขึ้น เช่น ไฟที่กำลังจะขึ้นสัญญาณไฟแดงภายใน 5 วินาที, ภาพแสดงกล้องวงจรปิดให้เห็นภาพอุบัติเหตุข้างหน้า, แจ้งให้ทราบถึงทางโค้งแบบหักศอกด้านหน้า, เตือนการก่อสร้างทาง เป็นต้น โดยระบบนี้จะช่วยลดอุบัติเหตุในช่วงหมอกลงจัดหรือฝนตกหนักได้อย่างมาก

V2P

Vehicle-to-Pedestrian (V2P)

กับระบบที่คาดกันว่าจะมีความซับซ้อนมากที่สุด ก็คือการสื่อสารข้อมูลกันระหว่างรถกับคนเดินถนน แต่ถ้าทำสำเร็จ จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุต่อผู้ตนที่ใช้ถนน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน, การใช้จักรยาน หรือการใช้ทางในรูปแบบอื่น ๆ ได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ตัวรถก็มีระบบป้องกันการชนคนเดินถนนกันอยู่บ้างแล้ว แต่ถ้ามีระบบ V2P ที่มีการสื่อสารระหว่างรถกับอุปกรณ์ส่วนบุคคล เช่น Smartphone, Smartwatch แล้วเกิดเหตุการร์ที่รถเบรกขัดข้อง แล้วกำลังจะวิ่งถึงทางม้าลาย ระบบจะมีการเตือนให้ทราบถึงเหตุนี้ แล้วหยุดการข้ามถนนช่วงนั้นไปก่อน แล้วระมัดระวังรถที่กำลังจะมาถึงให้มากขึ้น ก็จะช่วยการเกิดอุบัติเหตุต่อคนเดินถนนได้แล้ว

V2N

Vehicle-to-Network (V2N)

เป็นแนวคิดที่เชื่อมต่อในวงกว้างมากขึ้น โดยเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างรถและ Network ขนาดใหญ่ ถ้าให้อธิบายให้เห็นภาพง่ายขึ้น ให้ลองนึกถึงภาพการใช้งาน Google Maps ที่เราส่งข้อมูลตำแหน่งของสมาร์ทโฟนที่ใช้งาน แล้วรับข้อมูลเส้นทางมาจาก Google แต่การเชื่อมต่อครั้งนี้จะเป็นข้อมูลจากตัวรถ แล้วส่งไปเก็บข้อมูลที่ศูนย์กลางข้อมูล จากนั้นก็นำไปประมวลผลแล้วส่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับมาที่ตัวรถ เช่น เส้นทางที่กำลังไปมีการจราจรติดขัด แนะนำให้เปลี่ยนเส้นทาง, อีก 2 ชั่วโมงคอนเสิร์ตกำลังจะเลิกในเส้นทางที่กำลังจะผ่าน มีแนวโน้มว่าจะทำให้การจราจรติดขัด แนะนำให้หลีกเลี่ยงเป็นเส้นทางอื่น เป็นต้น ทำให้การเดินทางของเราสามารถไปสู่จุดหมายปลายทางได้ตามเวลาที่ควรจะเป็น

 

แต่แน่นอนว่า การคิดหรือพัฒนาระบบแบบนี้ ย่อมมีอุปสรรคที่จะคอยขัดขวางให้ระบบแบบนี้เกิดขึ้นได้ไม่ง่ายเสมอ โดยมีการวิเคราะห์กันออกมาว่า ข้อจำกัดใหญ่ ๆ ที่จะทำให้ระบบแบบนี้เกิดขึ้นยาก จะมาจากทั้ง

ความเป็นส่วนตัว

แน่นอนว่าเมื่อโลกก้าวมาถึงยุคนี้ ความเป็นส่วนตัวย่อมเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ สำหรับคนยุคใหม่ ดังนั้นการที่รถจะส่งข้อมูลส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น ตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบัน, ตำแหน่งปลายทางที่จะไป, ความเร็วของรถ ที่จะถูกส่งไปศูนย์กลางอยู่ตลอดเวลา จึงอาจจะทำให้มีความกังวลเรื่องการ Hack ข้อมูล, เสี่ยงกับการถูก Malware เข้ามาในระบบ เลยเป็นไปได้ว่า ระบบนี้อาจจะไม่ได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ ทำให้การเติบโตของระบบ V2X อาจจะช้าต่อเนื่องไป

ระบบโครงสร้างพื้นฐาน

เนื่องจากเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่มาก การไปเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างพื้นฐาน จึงต้องมาในสเกลใหญ่เป็นเงาตามตัว สิ่งที่ตามมาด้วยจึงเป็นเรื่องของงบประมาณอันมหาศาลที่ต้องไปลงทุนสร้างระบบที่รองรับได้อย่างทั่วถึง และต้องมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน รวมทั้งยังต้องการความร่วมมือจากทางภาครัฐในการส่งเสริมอีกด้วย

กฎหมาย

สำหรับเมืองไทย ที่ใช้กฎหมายฉบับเดียวกันทั้งประเทศก็คงไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่สำหรับประเทศที่มีกฎหมายของแต่ละเมืองแยกใช้งานกันอย่างในสหรัฐฯ ก็คือสิ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่ในการพัฒนาได้ด้วยเช่นกัน บางรัฐอาาจะมีกฎหมายให้สามารถติดตั้งและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ง่าย ๆ แต่สำหรับบางรัฐอาจจะไม่ใช่อย่างนั้น ดังนั้นถ้าจะต้องมีการติดตั้งระบบ V2X อย่างจริงจัง ก็คงต้องให้นโยบายออกมาจากระดับประธานาธิบดีกันเลย

ข้อมูลจาก Autoweek

ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com

5 เรื่องน่าสนใจ