2021 The New BMW 5 Series เก๋งพรีเมี่ยมพลิกโฉมใหม่ หรูด้วยดีไซน์ เด่นด้วยความล้ำสมัย เริ่ม 2.999 ล้านบาท
- โดย : Autodeft
- 20 ม.ค. 64 00:00
- 6,092 อ่าน
เกือบ 50 ปี ที่ BMW 5 Series เจนแรก (E12) ได้เปิดตัวต่อสาวกทั่วโลกจนกลายเป็นเก๋งซีดานขนาดกลางของค่ายที่สร้างยอดขายมายาวนานครองตำแหน่งผู้นำในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมซีดาน โดดเด่นด้วยการหลอมรวมกลิ่นอายความสปอร์ต รูปลักษณ์ที่สง่างาม และเทคโนโลยีล้ำสมัยแห่งอนาคตเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวโดยผ่านมาแล้ว 6 เจเนอเรชั่น
บีเอ็มดับเบิลยู ประเดิมศักราชใหม่ด้วยการส่งหน้าใหม่หล่อใหม่ The New BMW 5 Series อย่างเป็นทางการในไทย โดยเป็นการปรับโฉมหรือ facelift หรือ LCI ครั้งแรกของการทำตลาดในเจนที่ 7 (รหัส G30) เพิ่มความโดดเด่นให้แก่ด้านหน้าของรถด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ลายใหม่ขนาดใหญ่ขึ้น 20% ในรูปทรงแปดเหลี่ยมแบบใหม่พร้อมระบบ Active Air Flap แผ่นปิดด้านในกระจังหน้าไตคู่ จัดระเบียบทิศทางการไหลของอากาศผ่าน Air Curtains ส่วนบนของซี่ในกระจังหน้ายื่นออกมาเล็กน้อย เชื่อมกับไฟหน้าคู่ Adaptive LED ทรงเรียวยาวดีไซน์ใหม่พร้อมระบบส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้งพร้อมไฟ DRL แบบ LED รูปตัว L ฝังในโคมไฟหน้า กันขนหน้าดีไซน์ใหม่รับกับช่องดักอากาศแนวตั้งทั้งสองข้างบนกันชนหน้าเสริมความโดดเด่นให้แก่การเล่นเส้นสายของดีไซน์แบบใหม่
ด้านท้ายใหม่ด้วยไฟท้าย LED รูปทรง L แนวนอนแบบสามมิติ รับกับไฟหน้า โฉบเฉี่ยวด้วยกรอบสีดำ สร้างความสะดุดตาบนท้องถนน ออกแบบมาให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวพร้อมกันชนหลังทรงสปอร์ตพร้อมลิ้นสปอยเลอร์หลังหรือ diffuser และท่อไอเสียคู่ มาพร้อมชุดแต่ง M Aerodynamics และล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาลาย Double-spoke ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 245/45R18 ในล้อหน้า และ 275/40R18 ในล้อหลัง สำหรับรุ่น 520d M Sport และล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาลาย Y-spoke แบบสลับสี ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 245/40R19 ในล้อหน้า และ 275/35R19 ในล้อหลัง สำหรับรุ่น 530e M Sport ขณะที่รุ่น 530e Elite มาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ลาย Double-spoke พร้อมยาง 245/45 R18 มิติตัวรถที่ยาวกว่ารุ่นก่อนหน้า 27 มิลลิเมตร ทำให้ มีความยาว 4,963 มม. ความกว้าง 1,868 มม. ความสูง 1,483 มม. น้ำหนักรถ 1,560-1,770 กก.
ภายในห้องโดยสารเน้นการผสานทั้งความสง่างามและความล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกัน ตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียมและงานฝีมือสุดประณีต ปุ่มบริเวณคอนโซลกลางมาในสีดำเงาเพื่อความหรูหรา ตัดกับพวงมาลัยหุ้มหนังมัลติฟังก์ชั่น M Sport พร้อมคอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec ในรุ่น 520d M Sport และ 530e M Sport ทั้งสามรุ่นมาพร้อมเบาะหนังแท้ Dakota ภายในในรุ่น 520d M Sport และ 530e M Sport ตกแต่งด้วยอลูมิเนียมลาย Rhombicle Smoke Grey พร้อมแถบโครเมี่่ยม ขณะที่รุ่น 530e Elite ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงาพร้อมแถบโครเมียม ระบบความบันเทิงและการสื่อสารให้ทันสมัยยิ่งขึ้น รุ่น520d M Sport และ 530e M Sport มาพร้อมจอ BMW Head-up Display และระบบ BMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานบนระบบปฎิบัติการใหม่ล่าสุด BMW Operating System 7 ที่ปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น
ยังมาพร้อมระบบปลดล็อกประตููอัจฉริยะ (Comfort Access System) ที่รองรับ BMW Digital Key ซึ่งเปลี่ยนให้ iPhone กลายเป็นเหมือนกุญแจรถ สามารถล็อกและปลดล็อกรถได้โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้นแบบ NFC (Near Field Communication) โดยรองรับผู้ใช้ได้สูงสุดถึง 5 คน นอกจากนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกควบคุมระบบการทำงานของรถยนต์ ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร ระบบการเชื่อมต่อ และระบบนำทางได้ผ่านทางจอ Control Display ระบบสัมผัส ระบบ iDrive ปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่นบนพวงมาลัย ระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่าน BMW Intelligent Personal Assistant และ BMW gesture control หรูหราด้วยไฟ ambient light ระบบเครื่องเสียงคุณภาพจาก Harman Kardon
เมืองไทยมีขุมพลังให้เลือกถึง 2 แบบจากตระกูล Twin Power Turbo ทั้ง เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส B48B20A 184 แรงม้าที่ 5,000-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 300 นิวตันเมตรที่ 1,350-4,000 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 109 แรงม้าที่ 3,140 รอบ/นาที แรงบิด 265 นิวตันเมตรที่ 100-2,500 รอบ/นาที เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังมากสุด 292 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร ควบคู่กับประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนรุ่นใหม่ ที่มีขนาดความจุ 12 kWh ที่ติดตั้งอยู่ใต้เบาะหลังสามารถเพิ่มกำลังส่งในการเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นในโหมด SPORT เพียงเหยียบคันเร่งเพื่อกระตุ้นการทำงานของ XtraBoost และปลดปล่อยพละกำลังเสริมมากถึง 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาที จึงสามารถโลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรได้ภายใน 5.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า ELECTRIC ซึ่งเป็นโหมดการขับขี่แบบไร้มลพิษ ให้ระยะทางขับขี่สูงสุดที่ 52 กิโลเมตร สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม. โหมดการขับขี่แบบ HYBRID สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 110 กม./ชม. จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic
แรงและประหยัด เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส B47D20B 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบ/นาทีในรุ่น จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic ส่งให้ตัวรถเคลื่อนจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.5 วินาที สู่ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พร้อมการควบคุมที่เฉียบคมและโฉบเฉี่ยว ฐานล้อที่ยาวและกว้าง รวมทั้งการออกแบบที่เน้นน้ำหนักเบา และการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ช่วงล่างมาพร้อมเพลาหน้าแบบปีกนกคู่และเพลาหลังแบบ five-link จึงขับขี่ได้อย่างนุ่มสบายทั้งในชีวิตประจำวันและขณะเดินทางไกล รวมถึงในการขับขี่ที่ต้องใช้ความคล่องตัวสูง นอกจากนี้ ในรุ่น 530e M Sport ยังพกพาระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering) ที่มีระยะกว้างกว่ารุ่นก่อนหน้า ส่งล้อหลังมาช่วยเสริมสมรรถนะการเข้าโค้งเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วมากกว่า 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังช่วยเสริมความคล่องตัวขณะเข้าจอดพร้อมช่วงล่างแบบ Adaptive ขณะที่รุ่น 520d M Sport มาพร้อมช่วงล่างแบบ M Sport พร้อมระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามการหมุนและความเร็วแบบ Servotronic เพลิดเพลินในการขับขี่
พร้อมปูทางสู่เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ ในรุ่น 520d M Sport และ 530e M Sport มาพร้อมระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) และฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในสภาวะต่าง ๆ เช่น ระบบควบคุุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go (Active cruise control with Stop & Go function) รุ่น 530e M Sport และระบบควบคุุมความเร็วคงที่่ พร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว (Cruise Control with braking function) ในรุ่น 520d M Sport และ 530e Elite รวมถึงระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่่ (Attentiveness Assistant) ในทั้งสามรุ่น
นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยอีกมากมายในทุกรุ่นเพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ เช่น เซนเซอร์ควบคุุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection) ระบบ Active Protection และเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง (Park Distance Control) และสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport ยังมาพร้อมกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera) และระบบช่วยนำรถเข้าที่่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายโดยเฉพาะขณะถอยจอดและจอดขนาน
The New BMW 5 Series มีสีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ Alpine White, Black Sapphire metallic, Bluestone metallic และ Phytonic Blue รวมทั้งสี Bernina Grey Amber effect ในรุ่น M Sport โดยมีราคาจำหน่ายดังนี้
- รุ่น 520d M Sport ราคา 3,539,000 บาท
- รุ่น 530e Elite ราคา 2,999,000 บาท
- รุ่น 530e M Sport ราคา 3,739,000 บาท
โดยทั้งสามรุ่นมาพร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard ซึ่งครอบคลุมการบำรุงรักษา 3 ปี / 60,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 3 ปี / ไม่จำกัดระยะทาง
ชม Gallery The New BMW 5 Series ได้ที่นี่ !!
ติดตามข่าวสารรถยนต์รวดเร็วก่อนใครได้ที่ AUTODEFT.com